WHAUP กำไรปกติ 228 ลบ. ธุรกิจโซลาร์โตแกร่ง

HoonSmart.com >> WHAUP ไตรมาส 1/2568 กำไรปกติแตะ 228 ล้านบาท ธุรกิจ Solar เติบโตแข็งแกร่ง เร่งนำนวัตกรรม AI ขับเคลื่อนธุรกิจทั้งน้ำ-ไฟฟ้า สร้างการเติบโตยั่งยืน

สมเกียรติ เมสันธสุวรรณ

บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์  (WHAUP) แจ้งผลดำเนินงาน ไตรมาส 1/2568 กำไรสุทธิ 223.82 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.06 บาท ลดลง 246.56 ล้านบาท หรือ 52.41% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน กำไรสุทธิ 470.38 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.12 บาท

ไตรมาสแรก บริษัทฯ รับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติ จำนวน 937 ล้านบาท มีกำไรปกติ (Normalized Net Profit) 228 ล้านบาท ลดลง 10% และ 39% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

มีกำไรสุทธิซึ่งรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 224 ล้านบาท ลดลง 52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยการลดลงของกำไรปกติมีสาเหตุหลักจากส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าลดลง จากในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้า SPP เนื่องจากในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทฯ มีการรับรู้รายการพิเศษเกี่ยวกับรายได้เงินชดเชยจากการประกันภัย และส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ที่มีการรับรู้ Energy Margin ลดลง

อย่างไรก็ตามรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของกำลังการผลิตไฟฟ้า

นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  WHAUP กล่าวว่า ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) ในไตรมาส 1 ปี 2568 มีปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งในและต่างประเทศรวมเท่ากับ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร ลดลง 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปริมาณยอดขายและบริหารน้ำในประเทศลดลง 5% มีสาเหตุหลักจากการลดลงของยอดจำหน่ายน้ำดิบของลูกค้ากลุ่มโรงไฟฟ้าซึ่งเป็นการลดลงชั่วคราว และยอดจำหน่ายน้ำอุตสาหกรรมของลูกค้ากลุ่มปิโตรเคมี

ขณะที่ปริมาณยอดขายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-added product) เติบโตขึ้น 29% จากปริมาณความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มลูกค้าใหม่ ส่วนปริมาณยอดขายและบริหารน้ำในประเทศเวียดนาม เติบโตขึ้น 12% จากปริมาณยอดจำหน่ายน้ำของโครงการ Duong River ที่เพิ่มขึ้น จากการขยายพื้นที่การให้บริการและการเติบโตของกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่

ด้านธุรกิจพลังงาน โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ใน Q1/68 รับรู้รายได้จากสัญญา Private PPA จำนวน 126 ล้านบาท เติบโต 45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทฯ มีโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวม 154 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ในไตรมาสดังกล่าว บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ประเภท Private PPA เพิ่มอีกประมาณ 15 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทฯ มีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA สะสม 305 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นจากโรงไฟฟ้าทุกประเภทที่ 980 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นจำนวนกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการแล้ว 704 เมกะวัตต์

ส่วนของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ในไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าโดยรวม 168 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 36% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าเก็คโค่วันที่ลดลง เนื่องจากมี Energy Margin ลดลง กอปรกับมีการบันทึกรายการปรับปรุงทางบัญชีเพิ่มขึ้น รวมถึงในไตรมาส 1 ปี 2568 นี้ บริษัทฯ ไม่มีการรับรู้รายได้จากเงินชดเชยจากประกันภัยของโรงไฟฟ้า SPP ในขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP มีการรับรู้รายได้ชดเชยจากการประกันภัย ส่งผลให้บริษัทฯ มีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายสมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินธุรกิจของ WHAUP เป็นไปตามพันธกิจ ของ WHA Group “WHA: We Shape The Future” โดยมุ่งพัฒนานวัตกรรมด้านสาธารณูปโภคและพลังงานผ่านเทคโนโลยี AI ทั้งในส่วนของธุรกิจน้ำที่มีระบบ Smart Water Solutions ด้วยการนำ AI มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการให้บริการลูกค้า ลดการสูญเสียน้ำ

ธุรกิจพลังงานไฟฟ้าที่ได้นำ AI มาพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ เช่น ระบบ Solar Anomaly ที่สามารถตรวจจับความผิดปกติของแผงโซลาร์ ช่วยให้สามารถบำรุงรักษาและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว และระบบ Solar Forecasting ซึ่งช่วยคาดการณ์ปริมาณการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทฯ พร้อมขยายการลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมในอนาคต สอดคล้องกับเป้าหมายการเป็นผู้นำด้านสาธารณูปโภคและพลังงานที่มีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้บริษัท ฯ จ่ายเงินปันผลสำหรับผลดำเนินงานปี 2567 หุ้นละ 0.2525 บาท/หุ้น จ่ายระหว่างกาลแล้ว 0.06 บาท/หุ้น และจ่ายเพิ่มอีก 0.1925 บาท/หุ้น วันที่ 16 พ.ค.นี้ สะท้อนการเงินที่มั่นคงและการมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สม่ำเสมอของบริษัทฯ