CIMBT ไตรมาส 1/67 กำไร 626 ลบ. ลดลง 24.6%

HoonSmart.com>> “ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย” (CIMBT) เผยกำไรไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 626 ล้านบาท ลดลง 24.6% เหตุรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง ต้นทุนเงินฝากเพิ่มขึ้น หนี้ NPL ขยับขึ้น

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 กำไรสุทธิ 626.11 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.02 บาท ลดลง 204 ล้านบาท หรือ 24.6% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปี 2566 มีกำไรสุทธิ 830.13 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.02 บาท

กำไรก่อนภาษีเงินได้มีจำนวน 790.2 ล้านบาท ลดลงจำนวน 247.9 ล้านบาท หรือ 23.9% สาเหตุหลักเกิดจากการลดลงของรายได้จากการดำเนินงาน 84% และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน 11.8% สุทธิกับผลขาดทุนด้านเครดิตที่ดาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 36.9% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน

ธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงานปี 2567 มีจำนวน 3,506.1 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันปี 2566 จำนวน 322.7 ล้านบาท หรือ 8.4% การลดลงดังกล่าวเป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจำนวน 28.8 ล้านบาท หรือ 1.2% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของเงินรับฝาก รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงจำนวน 26.2 ล้านบาท หรือ 8% มาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมและบริการ รายได้อื่นลดลงจำนวน 267.7 ล้านบาท หรือ 23.1% ส่วนใหญ่เป็นผลจากการลดลงของกำไรสุทธิจากเงินลงทุนและกำไรสุทธิจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพ

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงนสำหรับงวดสามเดือนปี 2567 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2566 เพิ่มขึ้นจำนวน 231.7 ล้านบาทหรือ 11.8% สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าเผื่อการด้อยค่าของทรัพย์สินรอการขายและค่าภาษีอากร ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ต่อรายได้จากการดำเนินงานงวดสามเดือนปี 2567 อยู่ที่ 62.5% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2566 อยู่ที่ 51.2%

อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin – NIM) สำหรับงวดสามเดือนปี 2567 อยู่ที่ 2.2% ลดลงจากงวดเดียวกันปี 2566 อยู่ที่ 2.6% เป็นผลจากตันทุนเงินฝากที่เพิ่มขึ้น

ด้านเงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 248.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท) จำนวน 316.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% จากสิ้นปี 2566 ซึ่งมีจำนวน 310.4 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (the Modified Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารลดลงเป็น 78.4% จาก 78.9% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566

สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) อยู่ที่ 8.4 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้นอยู่ที่ 3.4% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 อยู่ที่ 3.3% สาเหตุเกิดจากสินเชื่อรายย่อย อย่างไรก็ตาม กลุ่มธนาคารมีนโยบายการจัดการความเสี่ยงด้านการให้สินเชื่อที่รัดกุม มาตรการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับปรุงแนวทางในการเรียกเก็บหนี้จากสินเชื่อด้อยคุณภาพที่มีอยู่ และการแก้ปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพอย่างต่อเนื่อง

อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 อยู่ที่ 121.3% ลดลงจากลิ้นปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 124.2% ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของกลุ่มธนาคารอยู่ที่จำนวน 9.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 1.5 พันล้านบาท

เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ สิ้นวันที่ 31 มีนาคม 2567 มีจำนวน 59.7 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง 20.8% โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 15.5%