HoonSmart.com>>บล.คิงส์ฟอร์ด คาดแนวโน้มดัชนีมีโอกาสทรงตัว หลังวานนี้พุ่งแรงรับข่าวเริ่มเจรจาการค้าสหรัฐ – จีน และยังต้องรอความคืบหน้าของการเจรจา แนวรับ 1,200 – 1,210 จุด ส่วนแนวต้าน 1,230 จุด ด้านเฟดคงดอกเบี้ยตามคาด รอประเมินผลกระทบภาษีการค้า แนะทยอยซื้อข่วงดัชนีอ่อนตัว แนะ ADVANC,CPALL,GULF,GPSC,PTTGC,IVL,BCP มี ESG เรตติ้งสูง เป้าหมายกองทุน Thai ESGX ผสมแรงหนุนจากสหรัฐ – จีนสามารถบรรลุข้อตกลงการค้า หุ้นเด่นแนะ BCPG, BDMS
บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด คาดดัชนีวันนี้มีโอกาสทรงตัว หลังวานนี้ปรับขึ้นรับข่าวการเริ่มเจรจาการค้าสหรัฐ – จีน และยังต้องรอความคืบหน้าของการเจรจา ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,200 – 1,210 จุด ส่วนแนวต้าน 1,230 จุด แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว เช่น ADVANC,CPALL,GULF,GPSC,PTTGC,IVL,BCP ซึ่งเป็นกลุ่มที่มี ESG เรตติ้งสูง ซึ่งเป็นหมายการลงทุนของกองทุน Thai ESGX กอปรยังได้แรงหนุนจากสหรัฐ – จีนสามารถบรรลุข้อตกลงการค้า
ปัจจัยในประเทศได้แรงหนุนจาก กนง.ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% อยู่ที่ 1.75% และยังมีโอกาสที่จะปรับลดลงอีก 1 – 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งส่งผลให้ Earning Yield Gap ของ SET ปรับสูงขึ้น ขณะที่เม็ดเงินใหม่จากกองทุน Thai ESGX ราว 2 หมื่น ลบ. ยังเป็นปัจจัยหนุนด้านสภาพคล่องในช่วง พ.ค. – มิ.ย. ส่วนรายงานกำไร บจ. Q1/68 วานนี้ THCOM, SPRC มีกำไรสูงกว่าคาดการณ์ Consensus
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดวานนี้ DJIA +0.70%, S&P500 +0.43%, Nasdaq +0.27% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มผลิตชิป รับข่าว ปธน.ทรัมป์มีแผนจะยกเลิกการควบคุมการส่งออกชิป Ai ส่งผลให้ดัชนีเซมิคอนดักเตอร์ในตลาดฟิลาเดลเฟีย +1.7% โดยนักลงทุนมีความหวังเชิงบวกต่อการเริ่มเจรจาการค้าระหว่าง รมว.คลังสหรัฐ กับรองนายกฯ จีนที่สวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 9 – 12 พ.ค.
ขณะที่ผลการประชุมเฟดมีมติคงดอกเบี้ยที่ 4.25 – 4.5% โดยเฟดยังเห็นความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้น ดังนั้นจึงรอประเมินผลกระทบจาก มาตรการปรับขึ้นภาษีศุลกากรก่อน จะตัดสินใจด้านนโยบายการเงิน โดย CME Fed Watch ชี้มีโอกาส 57% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 30 ก.ค.
หุ้นเด่นแนะนำ BCPG* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 8.25 บาท) แนวโน้มปี 68 คาดกำไรปกติจะเติบโตด้วยปริมาณน้ำที่มากเป็นบวกต่อ Hydro power plant ประกอบกับการทยอย COD โครงการพลังงานลม Monsoon (290Mwe ถือหุ้น 48%) ในลาวที่จะเริ่มช่วง 2Q68 เร็วกว่าเดิม
ส่วนปัจจัยบวกที่เหลือมาจาก BCPG มีสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าในไทยน้อย ทำให้ได้รับผลกระทบอย่างจำกัดจากการแทรกแซงโดยภาครัฐ ขณะที่โรงไฟฟ้าในสหรัฐได้รับประโยชน์จากการเติบโตของธุรกิจ Data center ส่งให้ราคาขายไฟฟ้า (ค่าความพร้อมจ่าย) ในตลาดเสรีของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง มองว่าปี 68 ไม่มีตั้งสำรองเพิ่มกรณีลูกหนี้ในลาว ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 68 ที่ 1.5 พันล้านบาท และปี 69 ที่ 1.8 พันล้านบาท +19%YoY
หุ้น BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท) เบื้องต้น ประเมินกำไรสุทธิ 1Q68 อยู่ที่ 4,316 ลบ. (+5.96%YoY, -0.37%QoQ) แม้มีปัจจัยกดดันจาก 1.รอมฎอนในช่วง 28ก.พ.-29มี.ค.68 และ 2.ประกันรูปแบบ Co-pay ตั้งแต่ 20 มี.ค.68 แต่น้ำหนักน้อยกว่าการเติบโตของรายได้ผู้ป่วยต่างชาติอื่นๆรวมถึงผู้ป่วยชาวไทยเองทั้งจาก 1.ร.พ.ในต่างจังหวัดที่คาดโมเมนตัมดีต่อเนื่อง 2.ฝุ่น PM 2.5(โรคกลุ่มทางเดินหายใจ) และ 3.การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ปีนี้ที่ 1ม.ค.-29มี.ค.68 มีจำนวนผู้ป่วยสูงขึ้น +148% อยู่ที่ราว 2.64 แสนราย อัตราป่วย 406.04 ต่อประชากรแสนคน
ทั้งนี้ ทาง BDMS เองวางเป้าการเติบโตของรายได้ในช่วง 1H68 ราว +7 ถึง 8%YoY
———————————————————————————————————————————————————–

