3 โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” BGRIM เล็ง Q1 กำไรพุ่ง 126%

HoonSmart.com>> 3 โบรกเกอร์เชียร์”ซื้อ”หุ้น BGRIM กำไรปกติไตรมาส 1/68 มีลุ้นขึ้นถึง 742 ล้านบาท พุ่งได้ถึง 126% QoQ ตามส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จายการบริหารและขาย (SG&A) ลดลง และหากเทียบ YoY มีโอกาสเพิ่มขึ้นถึง 50% ตามการรับรู้รายได้ Hydro ในสหรัฐฯปริมาณขายไอน้ำเพิ่มขึ้น และต้นทุนก๊าซลดลง รวมถึงราคาหุ้นลงลึกสะท้อนความเสี่ยงลดค่าไฟฟ้าไปแล้ว

บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แนะนำ”ซื้อ”หุ้น บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ราคาหุ้นลดลง -42%YTD ต่ำสุดนับตั้งแต่ IPO มองว่าสะท้อนความเสี่ยงของการลดค่าไฟฟ้าไปพอควรแล้ว แนวโน้มกำไรไตรมาส 2 ปี 2568 จะได้แรงหนุนจากต้นทุนก๊าซลดลง ช่วยชดเชยค่าไฟฟ้าที่ลดลง การลดอัตราดอกเบี้ยล่าสุดยังจะส่งผลบวกต่อหุ้นโรงไฟฟ้า รวมถึงต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อหุ้น พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 15.50 บาท

ทั้งนี้ คาดกำไรไตรมาส 1/2568 ที่ 642 ล้านบาท (-18%QoQ, +70%YoY)การลดลง QoQ เกิดจากขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (FX) -100 ล้านบาท (กำไร FX 385 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2567) หากไม่รวมคาดกำไรปกติ 742 ล้านบาท (+126%QoQ, +50%YoY) โดยเพิ่มขึ้น QoQ ตามส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้น และ OPEX ลดลง ส่วนเพิ่มขึ้น YoY ตามการรับรู้รายได้ Hydro ในสหรัฐฯปริมาณขายไอน้ำเพิ่มขึ้น และต้นทุนก๊าซลดลง

แนวโน้มไตรมาส 2/2568 จะได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซลดลงช่วยชดเชยค่าไฟฟ้าที่ลดลง โดยคาดค่าไฟฟ้าลดลงทั้งปี -0.14 บาท/หน่วย (-0.03 ในไตรมาส 1/2568) และต้นทุนก๊าซเพิ่มขึ้น +4%YoY เป็น 335 บาท/MMBTU

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) แนะนำ”ซื้อ”หุ้น BGRIM กําไรหลักไตรมาส 1/2568 น่าจะโตก้าวกระโดดถึง 123% YoY ที่ 730 ล้านบาท หนุนจากค่าใช้จายการบริหารและขาย (SG&A) ลดลง และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำแข็งแกร่ง ขณะที่ FX จะฉุดกําไรสุทธิลงส่วนราคา LNG ที่ลดลง และเงินบาทแข็งค่าขึ้นเป็น upside กับ margin กลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ที่อาจดีเกินคาด แม้จะมีการปรับลดค่าไฟฟ้าลงก็ตาม แต่อย่างไรก็ดี ปรับเพิ่มกําไรปี 2568-2570 ขึ้น 4-16% คงราคาเป้าหมายที่ 13.10 บาท ด้วย Valuation ที่ใกล้เคียง -2 S.D. และต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลงเร็วกว่าอัตราค่าไฟฟ้า จึงเห็นว่าแนวโน้มครึ่งหลังปี 2568 จะแข็งแกร่งขึ้นและเป็นไปได้ที่กําไรจะสูงกว่าตลาดคาด

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) แนะนำ”ซื้อ”หุ้น BGRIM ปรับราคาเป้าหมายใหม่ที่ 19 บาท มองว่าเป็นโอกาสในการลงทุนหลังราคาหุ้นปรับตัวลดลงกว่า 40% ตั้งแต่ต้นปีปัจจุบันหุ้นซื้อขายที่ระดับมูลค่าที่น่าสนใจในระยะยาวที่ P/E ปี 2570 ที่ 21.1 เท่า และปี 2571 ที่ 9.4 เท่า หรือต่ำกว่า P/E เฉลี่ยช่วงปี 2560-2564 ที่ 19.8 เท่า อยู่-2SD คาดว่า BGRIM จะมีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น(EPS CAGR) ปี 2568-2571 ที่แข็งแกร่งถึง 55% จากการทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์(COD) ของโครงการในประเทศเกาหลีใต้ทั้งหมด ปัจจัยบวกสำคัญคือ การ COD ของโครงการพลังงานลมแห่งแรกในเกาหลีใต้ภายในปีนี้ ความเสี่ยงหลักคือความล่าช้าในการพัฒนาโครงการ

BGRIM มีกำหนดประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ในวันที่ 14 พฤษภาคม คาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิ 611 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% YoY แต่ลดลง 22% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษคาดว่ากำไรหลักอยู่ที่ 535 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% YoY และ 62% QoQ การเติบโต YoY หลัก ๆ มาจากการเพิ่มขึ้นของ Spark Spread โดยคาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติลดลง 2% ขณะที่ค่าไฟฟ้ายังคงทรงตัว YoY สำหรับการเติบโต QoQ มาจาก SG&A ลดลง 25% และผลประกอบการที่ดีขึ้นจากบริษัทร่วมและบริษัทร่วมทุน ซึ่งคาดว่าจะมีส่วนแบ่งกำไร 165 ล้านบาทเทียบกับขาดทุน 206 ล้านบาทในไตรมาส 4/2567

แนวโน้มอ่อนแอในไตรมาส 2/68 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(ERC) ได้ประกาศค่าไฟฟ้าภายในประเทศสำหรับช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2568 อยู่ที่ 3.98 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในไตรมาส 2/68 จะอยู่ที่ 4.04 บาท ลดลง 3% เมื่อเทียบทั้ง YoY และ QoQ จึงคาดว่าผลกระทบจากค่าไฟฟ้าที่ลดลงน่าจะมากกว่าผลบวกจากราคาก๊าซ SPP ที่ลดลง ส่งผลให้คาดว่ากำไรในไตรมาส 2/68 จะอ่อนตัวลงทั้งเมื่อเทียบกับปีก่อนและไตรมาสก่อน ทั้งนี้ในไตรมาส 2/67 มีราคาก๊าซ SPP ที่ต่ำผิดปกติจากมาตรการราคากลางย้อนหลัง

พร้อมปรับลดประมาณการกำไรปี 2568 และ 2569 ลง 2% และ 1% ตามลำดับ หลังปรับประมาณการให้สอดคล้องกับผลประกอบการปี 2567 และประมาณการไตรมาส 1/2568 ทั้งนี้ยังคงสมมติฐานหลักเดิมไว้โดยเฉพาะสมมติฐานค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในปี 2568 ที่ 4.04 บาทต่อหน่วย ซึ่งสอดคล้องกับประกาศของ ERC และยังคงสมมติฐานราคาก๊าซ SPP เฉลี่ยปี 2568 ที่ 320 บาท/MMBTU เนื่องจากเห็นแนวโน้มราคาก๊าซ LNG ลดลงตั้งแต่เมษายน 2568