ทรัสต์ร่วมทุนของแบงก์SME-หมอวิน ทิ้งบอมบ์หุ้น BPS วันแรกเฉียด 21%

HoonSmart.com>รวยเละ! ทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน กองทุนร่วมลงทุนในกิจการ SMES (กองทุนย่อยกองที่ 2) ของ SME D Bank เข้าลงทุนหุ้น BPS  ปี 62 ใช้เงินลงทุน 30 ล้านบาท เทขายเกลี้ยงวันแรก ตามสิทธิที่ขาย IPO แค่ 0.9 บาท ต่ำกว่าราคาขั้นต่ำที่ 1.16 บาท สวนทางกับไฟลิ่งระบุทรัสต์ฯไม่มีนโยบายและความจำเป็นขายทั้งหมดในเวลาอันสั้น หากต้องการขายจะทยอยพยายามอย่างดีที่สุดให้ผลกระทบต่อราคาน้อยที่สุด  ด้าน “หมอวิน” ได้  IPO 29 ล้านหุ้น 7.3542% ทิ้งหมดวันแรก 

ทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน กองทุนร่วมลงทุนในกิจการ SMES (กองทุนย่อยกองที่ 2) ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 2 ของบริษัทบีพีเอส เทคโนโลยี (BPS) รายงานก.ล.ต.ว่า วันที่ 3 เม.ย. 2567 ได้ขายหุ้น BPS ที่ถืออยู่ทั้งหมด 54,193,548 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 13.5483% ผ่านบล.เคจีไอ(ประเทศไทย)

ในวันเดียวกัน นายแพทย์ รัชต์ชยุตม์ จีระพรประภา (หมอวิน) นักลงทุนรายใหญ่ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 4 ของบริษัท BPS ได้ขายหุ้นทั้งหมด จำนวน 29,416,800 หุ้น สัดส่วน 7.3542% ผ่านบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)

การขายหุ้น BPS ของผู้ถือหุ้นใหญ่รวม 20.90% ในวันแรกของการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai) ส่งผลกระทบต่อราคาในตลาด ซึ่งเปิดกระโดดที่ 2.12 บาท พุ่งขึ้น 135.56% เทียบ IPO ที่ 0.90 บาท หลังจากนั้นวิ่งขึ้นไปสูงสุดแตะ 2.20 บาท ก่อนลงทิ้งลงไปต่ำสุดที่ 1.20 บาท และปิดที่ระดับ 1.23 บาท แจกกำไร 36.67% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,855.41 ล้านบาท

ในไฟลิ่งการเสนอขายหุ้น BPS ระบุว่า ทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน กองทุนร่วมลงทุนในกิจการ SMES (กองทุนย่อยกองที่ 2) จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2560 โดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ หรือ SME D Bank วงเงินรวม 501 ล้านบาท โดยธพว.ลงทุนร่วมกับนางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ จำนวนเงิน 500 ล้านบาท และ 1.0 ล้านบาท ตามลำดับ มีบลจ.วรรณ เป็นทรัสตี และ บริษัท พีพีเอ็ม แอ็ดไวเซอรี่ เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ ทำหน้าที่บริหารจัดการกองทุน

กองทรัสต์ฯเข้ามาถือหุ้น BPS เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2562 ผ่านการซื้อหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 120,000 หุ้น สัดส่วน 19.35% มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาทในราคาหุ้นละ 250 บาท เป็นจำนวนเงิน 30 ล้านบาท เท่ากับต้นทุนหุ้นในปัจจุบันเฉลี่ย 0.55 บาท  โดยไม่ได้มีส่วนร่วมในการบริหารธุรกิจ  และหุ้นที่ถือจะไม่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มของหุ้นที่มีช่วงเวลาการขายหุ้น (Silent Period) ตามเงื่อนไขของสัญญาร่วมทุน

ทั้งนี้ กองทรัสต์ฯมีนโยบายคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนใด้ส่วนเสียทุกฝ่าย ดังนั้นไม่มีนโยบายและความจำเป็นในการขายหุ้นที่ถือทั้งหมดในระยะเวลาอันสั้น และผู้จัดการกองทรัสต์ไม่มีความประสงค์ที่จะขายหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าราคา IPO ในวันแรกของการซื้อขายหลักทรัพย์ ในกรณีที่ประสงค์จะขายหุ้นบนกระดาน จะเป็นการทยอยขายหุ้นโดยพิจารณาจากสภาวะการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์โดยรวม สภาพคล่องของการซื้อขายและราคาหุ้นของบริษัทในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการขายหุ้น เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทที่ซื้อขายในกระดานตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอให้น้อยที่สุด

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเสนอขาย IPO ราคาที่ 0.90 บาทต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคา IPO ขั้นต่ำที่ 1.16 บาทต่อหุ้น และกองทรัสต์ไม่ให้คำยินยอมในราคาดังกล่าว ทำให้กองทรัสต์มีสิทธิขายหุ้นของบริษัทในส่วนที่กองทรัสต์ถืออยู่ในตลาดหลักทรัพย์ตามราคาและจำนวนที่กองทรัสต์เห็นสมควร

ส่วนนายแพทย์ รัชต์ชยุตม์ จีระพรประภา (หมอวิน) นักลงทุนรายใหญ่ได้หุ้น IPO มาทั้งหมด 29,416,800 หุ้น สัดส่วน 7.3542% จนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่สี่  ได้ขายทั้งหมดในวันแรก

ทั้งนี้ การจัดสรรหุ้นจำนวน 120 ล้านหุ้น เสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ไม่น้อยกว่า 90ล้านหุ้น ไม่น้อยกว่า 75% ผู้มีอุปการคุณของบริษัท ไม่เกิน 18 ล้านหุ้น ไม่เกิน 15% และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานของบริษัท ไม่เกิน 10% หรือ 12 ล้านหุ้น โดยมีบล.ฟิลลิปฯเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายร่วมกับ บล. บียอนด์ และบล.ดาโอ (ประเทศไทย)

ด้านโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทบีพีเอส เทคโนโลยี หลัง IPO มีกลุ่มนายสุรพงษ์ สาเรชพันธุ์ ถือหุ้นใหญ่ที่สุด จำนวน 180,645,162 หุ้น สัดส่วน 45.16% นางสาวภัทรภร แก้วโพธิ์คา ถือจำนวน 45,161,290 หุ้นหรือ 11.29%