HoonSmart.com>>ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ กำไรไตรมาส 1/68 จำนวน 132 ล้านบาท พุ่ง 26.8% รุกปรับพอร์ตสินค้ามาร์จิ้นสูงเดินหน้าต่อยอดธุรกิจ หนุนอัตรากำไรขั้นต้นที่เติบโตได้ติดต่อกัน 5 ไตรมาส ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2 เข้าสู่ไฮซีซั่นของธุรกิจ ไลน์การผลิตใหม่ โครงการ BOI คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี ส่งผลดีต่อภาษีในครึ่งปีหลัง
นายพีระศักดิ์ บุญมีโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ (TFM) เปิดเผยว่า ไตรมาส 1/2568 บริษัทฯมียอดขาย 1,231.3 ล้านบาท โดยพอร์ตอาหารกุ้งยังเติบโตได้ดีถึง 9.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากการเดินหน้าขยายส่วนแบ่งการตลาด ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถทำกำไรสุทธิได้ถึง 131.9 ล้านบาท เติบโต 26.8% สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของกลยุทธ์มุ่งเน้นบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในทุกมิติ ทั้งการบริหารจัดการด้านต้นทุนวัตถุดิบ การปรับพอร์ตสินค้าที่หันมาเน้นขายกลุ่มสินค้า High Margin ผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นที่ 21.7 % เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 5.6% ตอกย้ำถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจและความแข็งแกร่งในการบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี และพร้อมเติบโตต่อเนื่อง
“ถึงแม้ไตรมาสแรกของปี 2868 จะอยู่ในช่วงโลว์ซีซันของธุรกิจ แต่ TFM ยังสามารถทำรายได้และมีกำไรสุทธิที่น่าพอใจ รวมถึง อัตรากำไรขั้นต้นที่เติบโตได้ติดต่อกัน 5 ไตรมาส โดยเฉพาะอาหารกุ้งที่ยังคงเติบโตได้ดีจากการขยายส่วนแบ่งการตลาดอย่างต่อเนื่อง นับเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถและความแข็งแกร่งในการบริหารธุรกิจได้เป็นอย่างดี” นายพีระศักดิ์ กล่าว
สำหรับสัดส่วนยอดขายตามผลิตภัณฑ์ แบ่งเป็นยอดขายอาหารกุ้ง 63% อาหารปลา 29% อาหารสัตว์บก 7% และอื่นๆ ประมาณ 1%
อาหารกุ้งเป็นกลุ่มสินค้าที่เติบโตได้ดี ซึ่ง TFM มีส่วนแบ่งการตลาดอาหารกุ้งในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มลูกค้าใหม่และการเพิ่มยอดขายจากลูกค้าเดิม โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นมาจากภาคตะวันออกและภาคใต้
ขณะที่รายได้จากอาหารปลาแม้ว่าหดตัวเล็กน้อย เนื่องจากในไตรมาสแรกของปีมีอากาศหนาวกว่าปกติและเป็นผลจากสถานการณ์ลูกปลาขาดแคลน แต่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 2 ที่สภาพอากาศอบอุ่นขึ้นตามฤดูกาลปกติ
ส่วนยอดขายส่งออกอาหารกุ้งเติบโตเป็นสามเท่าตัวของช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากลูกค้าต่างประเทศหลักในประเทศ ศรีลังกาฟื้นตัวจากภาวะโรคระบาดและอุทกภัยในปีก่อน โดยบริษัทฯ ยังเร่งเพิ่มยอดขายส่งออกทั้งการเพิ่มลูกค้าในประเทศใหม่ๆและการรักษาฐานลูกค้าเดิม
ในส่วนของการลงทุนไลน์การผลิตใหม่ ซึ่งเป็นโครงการ BOI เป็นไปตามแผนที่คาดว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนดในช่วงกลางปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาษีในช่วงครึ่งปีหลัง และแม้จะมีการลงทุนดังกล่าว ณ สิ้นไตรมาส 1/2568 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีที่ 0.32 เท่า นับเป็นระดับต่ำมากสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของกระแสเงินสดและสถานะทางการเงินที่พร้อมรับมือกับความผันผวนตลอดจนโอกาสในการลงทุนในอนาคต
นอกจากนี้ ในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2568 มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) ของหุ้นจากเดิมหุ้นละ 2 บาท เป็น 1 บาท เพื่อเดินหน้าเพิ่มสภาพคล่องหุ้น จำนวนหุ้นจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจาก 500 ล้านหุ้น เป็น 1,000 ล้านหุ้น ซึ่งการซื้อขายที่ราคาพาร์ใหม่ได้เริ่มมีผลไปแล้วในวันที่ 24 เม.ย. 2568 ถือเป็นการเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงหุ้นของบริษัทฯ ได้มากยิ่งขึ้น คาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในสภาวะที่การลงทุนมีความผันผวน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TFM กล่าวถึงแนวโน้มในไตรมาส 2/2568 ว่า จะเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ คาดว่าเกษตรกรจะลงลูกกุ้งและลูกปลาเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้ยอดขายอาหารสัตว์น้ำเติบโต
บริษัทฯ ยังคงเดินหน้ากลยุทธ์สำคัญสองด้านควบคู่กันไป ได้แก่ กลยุทธ์ Farmer Engagement ที่มุ่งเน้นการสร้างการมีส่วนร่วมและเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเกษตรกร เพื่อพัฒนาระบบการผลิตร่วมกันและสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของเกษตรกร และอีกกลยุทธ์คือ Sustainability ที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยไม่เพียงแต่ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมและการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม
กลยุทธ์เหล่านี้ตอกย้ำถึงความพร้อมรอบด้านของ TFM ในการก้าวไปสู่การยกระดับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์น้ำให้เติบโตอย่างยั่งยืน