HoonSmart.com>>กบข. ชูกลยุทธ์ลงทุนปิดความเสี่ยง เปิดโอกาสเพิ่มผลตอบแทน ลงทุนทองคำกำไรดี ปรับพอร์ตลงทุนตามสถานการณ์ 4 เดือนแรกปีนี้ปรับ 3 ครั้งเท่ากับทั้งปีก่อน สำรวจความต้องการสมาชิก เพิ่มทางเลือกรับผลตอบแทน ไม่ต้องรอรับตอนลาออกจากข้าราชการ เล็งแก้กฎหมาย กระตุ้นให้สมาชิกออมเพิ่ม หวังยกระดับคุณภาพชีวิต เร่งศึกษาลงทุนที่พักอาศัยผู้สูงอายุหรือ Senior Housing สร้างผลตอบแทนที่ดี ตามแนวโน้มการเติบโตสังคมสูงวัย
นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า การบริหารการลงทุนในสถานการณ์นี้ที่ตลาดไม่มีเหตุผล และคาดว่าจะยังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นกบข.จะบริหารเงินลงทุนโดยปิดความเสี่ยง และเปิดโอกาสเพิ่มผลตอบแทน ซึ่งปลายปี 2567 ที่ผ่านมาได้ลดการลงทุนในตราสารหนี้โลก หันไปเพิ่มการลงทุนในทองคำ สมาชิกบางคนเพิ่มส่วนการลงทุนจาก 15%เป็น 25% นับว่าให้ผลตอบแทนที่ดีในปีที่ผ่านมา และก็ยังคงดีต่อเนื่องในปัจจุบัน

นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในหุ้นไทย สัดส่วน 6% เนื่องจากราคาหุ้นต่ำในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายแล้ว ตลาดยังมีข้อดีเรื่องอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยสูงถึง 4%ต่อปี แต่ตอบยากว่าจะเพิ่มการลงทุนในหุ้นไทยจนผลักดันให้มีสัดส่วนถึง 10% หรือไม่ ปัจจุบันกบข.กระจายลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ใน 18 ประเทศ ทั้งนี้การบริหารการลงทุนเงินลงทุนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอัตราผลตอบแทนเงินเฟ้อเฉลี่ย 10 ปีบวก 2% เพื่อให้สมาชิกมีเงินเพียงพอไว้ใช้หลังเกษียณอายุราชการ
นายทรงพลกล่าวว่า นอกจากกบข.คำนึงถึงเรื่องผลตอบแทนที่ดีแล้ว มีความมุ่งหวังยกระดับคุณภาพชีวิตของสมาชิก ลดปัญหาหนี้สินและการไม่มีที่อยู่อาศัยหลังเกษียณของสมาชิก ซึ่งจากข้อมูลการออมเพิ่มของสมาชิก ณ สิ้นปี 2567 มีสมาชิกออมเพิ่ม 24% ของสมาชิกทั้งหมด เป็นจำนวนเงินออมเพิ่ม 29,820 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 6% ของเงินกองทุนส่วนของสมาชิก ปัจจุบันกำหนดการออมภาคบังคับ 3% และรัฐสนับสนุนให้อีก 3% ส่วนภาคสมัครใจให้สูงถึง 24%
ปัจจุบันคนไทยมีอายุเฉลี่ยยาวขึ้น ผู้ชายเฉลี่ย 80 ปี ผู้หญิงเฉลี่ย 82 ปี ซึ่งในต่างประเทศ มีการขยายระยะเวลาการเกษียณ เช่น สิงคโปร์กำหนด 67 ปี เพื่อให้มีเวลาในการสร้างรายได้นานยิ่งขึ้น ส่วนยุโรปปลายปีก่อนมีอายุเฉลี่ย 85 ปี
กบข. เป็นกองทุนการออมเพื่อการเกษียณ ทำให้มีข้อจำกัดในการขอรับเงินคืนได้เมื่อออกจากราชการเท่านั้น ดังนั้นกบข. จึงดำเนินการลดข้อจำกัดดังกล่าว เพิ่มแรงจูงใจให้สมาชิกเลือกใช้บริการออมเพิ่มมากขึ้น ด้วยการสำรวจความต้องการและความสนใจของสมาชิก เพิ่มทางเลือกการลงทุนและการรับผลตอบแทน ซึ่งสมาชิกให้ความสนใจแนวทางการเพิ่มทางเลือกการรับผลตอบแทนในรูปแบบอื่น 4 แนวทาง ดังนี้ 1. การเลือกรับเงินปันผลเป็นประจำ 2. สิทธิการถอนเงินก่อนสิ้นสมาชิกภาพ 3. สิทธิการใช้เงินออมซื้อประกันชีวิตและสุขภาพ และ 4. สิทธิการเข้าอาศัยในศูนย์ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Senior Housing) หลังจากนี้ กบข. จะนำแนวทางดังกล่าวไปศึกษาความเป็นไปได้ และสรุปผลนำเสนอคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณา อย่างไรก็ตาม ด้วยกฎหมายปัจจุบันยังทำไม่ได้ จะต้องมีการแก้ไขกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ กบข. อยู่ในระหว่างศึกษาแนวทางการลงทุนโครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ (Senior Housing) ซึ่งเป็นการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตของสังคมสูงวัยในอนาคต ปัจจุบันลงทุนผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศที่มีการลงทุน Senior Housing โดยสนใจลงทุน Senior Housing ในต่างประเทศ ผ่านการร่วมลงทุนกับพันธมิตร แต่ยังไม่พร้อมทำในประเทศไทย
ซึ่งจากสถิติในปี 2563 ตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุทั่วโลก มีมูลค่าประมาณ 1.90 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3.75 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2573 โดยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลางคาดว่า จะเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุด ด้วยอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ที่ 11.2% และ 8.4% ตามลำดับ และ กบข. กำลังศึกษาแนวทางการให้สมาชิกที่มีความต้องการเข้าอาศัยในศูนย์ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุด้วย
“จากแนวโน้มสังคมสูงวัยที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศจีน เป็นกรณีศึกษาให้ กบข. ต้องศึกษาการลงทุนในโครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุอย่างจริงจัง เพื่อสร้างโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์ที่น่าสนใจคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดี ถือเป็นการลงทุนเช่นเดียวกับอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้มีการลงทุนประมาณ 9% ของพอร์ตการลงทุนส่วนของสมาชิก กบข.“ นายทรงพล กล่าว
ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 24-29 เม.ย. 2568 ทางกบข.ได้พาคณะสื่อมวลชนไปศึกษาดูงาน Nanjing Sindora Living Nanjing Qixia ของกลุ่ม Keppel (เคปเปล) ยักษ์ใหญ่สิงคโปร์ ที่ได้เข้ามาลงทุน Senior Housing ที่นี่มาตั้งแต่ปี 2567 ขนาด 400 เตียง ปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 25% ส่วนใหญ่เป็นคนที่อยู่ในพื้นที่นี้ รับอายุตั้งแต่ 60-120 ปี ทั้งนี้กลุ่ม Keppel มีประสบการณ์ และแพลตฟอร์มการบริหาร Senior Housing ในสหรัฐ และออสเตรเลียมาแล้ว
ปัจจุบัน กบข. มีสมาชิกประมาณ 1.26 ล้านคน มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิประมาณ 1.43 ล้านล้านบาท (ข้อมูล ณ 31 มี.ค. 2568)
