ดาวโจนส์ปิดลบ 43 จุด ประธานเฟดส่งสัญญาณไม่รีบลดดอกเบี้ย

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 43 จุด จากความไม่แน่นอนช่วงเวลาเฟดปรับลดดอกเบี้ย หลังประธานเฟด ส่งสัญญาณไม่รีบลดดอกเบี้ย นักลงทุนจับตารายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ศุกร์นี้ ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ WTI” เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 3เมษายน 2567 ปิดที่ 39,127.14 จุด ลดลง 43.10 จุด หรือ -0.11% จากความไม่แน่นอนในเรื่องเวลาการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) หลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ระบุว่าผู้กำหนดนโยบายจะต้องใช้เวลาในการประเมินภาวะเงินเฟ้อในปัจจุบัน
      
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,211.49 จุด เพิ่มขึ้น 5.68 จุด, +0.11%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,277.46 จุด เพิ่มขึ้น 37.01 จุด, +0.23%

ในช่วงแรก ข้อมูลราคาที่จ่ายในภาคบริการแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้ออาจลดลงในอนาคต โดยสถาบันจัดการด้านอุปทาน(ISM) รายงาน ดัชนีภาคบริการเดือนมีนาคมลดลงมาที่ 51.4 จาก 52.6 ในเดือนกุมภาพันธ์ ต่ำกว่า 52.7 ที่นักวิเคราะห์คาด และลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2
      
ตลาดปรับตัวลงจากการกล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเมื่อวานนี้ของนายพาวเวลล์ที่พูดถึงแรงกดดันด้านราคาที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ตั้งแต่ต้นปี ว่าเขาและเจ้าหน้าที่เฟดไม่เร่งรีบที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงิน
      
“สำหรับอัตราเงินเฟ้อ ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าตัวเลขล่าสุดเป็นมากกว่าการเพิ่มขึ้นหรือไม่” นายพาวเวลล์กล่าวก่อนเปิดให้ถามคำถาม
      
“เราไม่คาดหวังว่าเป็นการเหมาะสมที่จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจนกว่าเราจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังลดลงอย่างยั่งยืนไปที่ 2% ด้วยความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและความคืบหน้าของอัตราเงินเฟ้อจนถึงขณะนี้ เรามีเวลาที่จะให้ข้อมูลที่เข้ามาเป็นแนวทางในการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายของเรา”
      
นอกจากนี้นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา ให้สัมภาษณ์รายการ Squawk Box ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีเมื่อวานนี้ว่า เขาคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้ และจะเกิดขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2024
      
FedWatch Tool ของ CME ในบ่ายวันพุธ บ่งชี้ว่าเทรดเดอร์มองว่ามีโอกาสเกือบ 99% ที่อัตราดอกเบี้ยยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในการประชุมนโยบายของเฟดในเดือนพฤษภาคม ขณะที่สัญญาฟิวเจอร์ส Fed funds บ่งชี้ความน่าจะเป็น 62.3% ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน ซึ่งลดลงอย่างมากจาก 70.1% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
      
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ ได้แก่ การจ้างงานของภาคเอกชนเดือนมีนาคมจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ที่เพิ่มขึ้น 184,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2023 และสูงกว่า 148,000 ตำแหน่ง ที่นักวิเคราะห์คาด
      
นักลงทุนจับตาการรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมีนาคมในวันศุกร์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จะเพิ่มขึ้น 205,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.9%
      
หุ้นอินเทล ลดลงกว่า 8% และฉุดดัชนีดาวโจนส์ให้ปรับลง หลังจากบริษัทรายงานว่า ธุรกิจการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขาดทุนจากการดำเนินงาน ในปี 2023
      
แต่การปรับขึ้น 2.6% ของหุ้นเน็ตฟลิกซ์และ 1.9% ของหุ้นเมตาแพลตฟอร์มสมีส่วนหนุนตลาด

      
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น จากข้อมูลภาคบริการของสหรัฐที่อ่อนตัวมากกว่าคาด ขณะที่นักลงทุนประเมินข้อมูลเงินเฟ้อยูโรโซนที่ลดลงซึ่งสนับสนุนให้ธนาคารกลางยุโรป(ECB)ปรับลดอัตราดอกเบี้ย
      
กลุ่มธนาคารนำการปรับขึ้น บวก1.4% ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2018 และธนาคารยูโรโซนบวก 1.5%
      
ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเงินเฟ้อยูโรโซนเดือนที่ผ่านมาลดลงเกินคาด
      
หลังการรายงานข้อมูล นายปาโบล เฮอร์นันเดซ เดอ คอส (Pablo Hernandez de Cos) ผู้กําหนดนโยบายของ ECB กล่าวในงานเสวนาทางการเงินที่บาร์เซโลนาว่า การลดดอกเบี้ยอาจะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน
      
แม้คาดการณ์ว่า ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายในสัปดาห์หน้า แต่ตลาดมองว่ามีโอกาส 71% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนมิถุนายน
      
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ 510.02 จุด เพิ่มขึ้น 1.45 จุด, +0.29%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,937.44 จุด เพิ่มขึ้น 2.35 จุด, +0.03%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,153.23 จุด เพิ่มขึ้น 23.18 จุด, +0.29%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,367.72 จุด เพิ่มขึ้น 84.59 จุด, +0.46%   

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.33% ปิดที่ 85.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.48% ปิดที่ 89.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล