HoonSmart.com>>บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI คาด SET Index จะยังคงแกว่ง Sideway บริเวณ 1,135-1,170 จุด ผ่อนคลายสงครามการค้า-คลายกังวล”ทรัมป์”แทรกแซงเฟด ช่วงสั้นเก็งหุ้นรายตัว อิงงบฯไตรมาส 1/68 และได้ประโยชน์จาก Flow TESGX ในเดือน พ.ค. นี้ รวมถึงเก็งกนง.ลดดอกเบี้ย
บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI คาดว่า SET Index จะยังคงแกว่ง Sideway บริเวณ 1,135-1,170 จุด โดย ยังคงได้แรงสนับสนุนเล็กน้อยตามตลาดหุ้นสหรัฐ ขานรับความหวังสงครามการค้าผ่อนคลายลง และตลาดคลายความกังวลที่ว่าความเป็นอิสระของเฟดอาจจะถูกทรัมป์แทรกแซง อย่างไรก็ดี เชื่อว่าประเด็นดังกล่าว priced-in ในตลาดไปพอสมควร
ดังนั้นแนะนำ Selective Buy ในระยะสั้น และ เก็งกำไรงบไตรมาส 1/2568 ของหุ้นที่คาดว่าจะออกมาแข็งแกร่ง หรือ หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Flow TESGX ในเดือน พ.ค. นี้ รวมถึง การเก็งประเด็นกนง.ลดดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า
โดย Consensus คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 ที่ +5.5% yoy, +36.3% qoq โดย Sector ที่โตสูงสุด qoq ได้แก่ PKG (SCGP) ICT (DIF TRUE ADVANC) ETRON (DELTA HANA KCE) และ yoy ได้แก่ PETRO (PTTGC) CONS (CK STECON) FOOD (CPF OSP ICHI AAI) ซึ่งเราได้ทำการคัดเลือกหุ้นในกลุ่มที่ Consensus คาดว่ากำไรสุทธิ 1Q25 +yoy, +qoq โดยเลือกเฉพาะหุ้นที่มี Consensus rating outperform ขึ้นไป, Earnings growth เป็นบวก, มี Beta และ Volatility สูง ได้แก่ CRC, TRUE, CBG, TIDLOR, ADVANC, CPF, BDMS, KLINIQ, BA, SAV, BEM
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจ ส่งออกไทยเมื่อวานนี้ การส่งออกของไทยในเดือนมีนาคมพุ่งขึ้น 17.8% yoy สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 29,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้การส่งออกในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 พุ่งขึ้น 15.2% yoy นำเข้าพุ่งขึ้น 7.4% yoy ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 1,080 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ดังนั้น เราคาดว่าการหยุดการขึ้นภาษีนำเข้าเป็นเวลา 90 วันของทรัมป์จะส่งผลให้ยอดสั่งซื้อพุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้การส่งออกของไทยในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 เติบโตต่อไป
จึงปรับเพิ่ม GDP ปี 2568 เป็น 1.75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย 1) เพิ่มขึ้น 0.15% จากการค้าไทยที่เพิ่มขึ้น และ 2) เพิ่มขึ้น 0.1% จากผลกระทบจากการบริโภค (secondary effect) นอกจากนี้ ยังปรับเพิ่มค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ปี 2568 เป็น 34.25 (สิ้นปี) โดยอิงตามวิวของ Group ที่เค้าเขียนเรื่อง Mar-a-Lago Accord
หุ้นแนะนำ CPALL คาดว่าจะมีกำไรปกติแข็งแกร่งที่ 6.9 พันล้านบาท (+14.5% yoy) ในไตรมาส 1/2568 โดยมีปัจจัยหนุนจากมาร์จินที่เพิ่มขึ้นจากยอดขาย RTE โดยประมาณการว่า 7-Eleven ในไทยจะมีอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) อยู่ที่ +3% จากยอดซื้อต่อบิลที่สูงขึ้นและจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น (Take profit : 51.00 / Stop loss : 49.00)
AP เก็งประเด็นกนง. ลดดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า จากมุมมองการลดดอกเบี้ยของนักเศรษฐศาสตร์ของเรา อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลงทุก 25bp จะทำให้ ความสามารถในการซื้อบ้านเพิ่มขึ้น 2.33% นอกจากนี้ ผู้ซื้อบ้านจะได้รับประโยชน์จากค่าผ่อนบ้านที่ลดลง 2.28% จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25bp (Take profit : 8.20 / Stop loss : 7.85)
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่สามติดต่อกัน (ดัชนี DJIA +1.2%, S&P500 +2%, Nasdaq +2.7%) ยังคงได้อานิสงค์บวกขานรับ”ทรัมป์” และ รมว.คลังสหรัฐส่งสัญญาณว่า ความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐ-จีนอาจคลี่คลายลง / การปฏิเสธข่าวการปลดเจอโรม พาวเวล์ และ งบ Alphabet ที่ออกมาดีกว่าคาด โดย ราคาหุ้นบวกได้กว่า 5%
ด้านราคาน้ำมันดิบปิดแกว่งทรงตัว หลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาคละกัน และ ตลาดกำลังรอประเด็น OPEC+ โดยตลาดเชื่อว่า OPEC+ กำลังพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนมิ.ย. และ ส่วนราคาทองคำ +0.5% ได้หลังจากเจอแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัยเข้ามา 2-3 วัน
