HoonSmart.com>>ช.การช่าง (CK) ประสบความสำเร็จดีเกินคาด ในการเสนอขายหุ้นกู้มูลค่า 5,500 ล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน พร้อมเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ไว้วางใจได้
บริษัท ช.การช่าง หรือ CK ผู้นำด้านธุรกิจรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของประเทศไทย ประกาศความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มูลค่ารวม 5,500 ล้านบาท โดยเสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไประหว่างวันที่ 18,21-22 เม.ย. 2568 ซึ่งปรากฏว่า ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความไว้วางใจและความเชื่อมั่นที่มีต่อธุรกิจ ของบริษัทฯ ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
สำหรับหุ้นกู้ที่บริษัทฯ เสนอขายในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 4 ชุด ประกอบด้วย
หุ้นกุ้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.30% ต่อปี
หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.60% ต่อปี
หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.80% ต่อปี
หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.00% ต่อปี
กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน
สำหรับหุ้นกู้ชุดที่ 2-4 มีเงื่อนไขให้ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดไถ่ถอน บริษัทฯ ได้แต่งตั้งธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารกสิกรไทย เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้
อันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ ช.การช่าง อยู่ที่ระดับ “A-” แนวโน้ม “คงที่” เช่นเดียวกับอันดับเครดิตองค์กร จัดอันดับโดยบริษัท ทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 1 เม.ย.2568
นายณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นกู้ ช.การช่าง ในครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะเป็นการเสนอขายท่ามกลางบรรยากาศที่มีความกังวลต่อทิศทางการลงทุนทั่วไป ซึ่งการตอบรับที่ดีกว่าคาดของผู้ลงทุนสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปชำระคืนหนี้เดิม และชำระคืนหนี้จากการออกตราสารหนี้
“บริษัทฯ ขอขอบคุณผู้ลงทุนทุกท่านที่ไว้วางใจในหุ้นกู้ของบริษัทฯ และขอขอบคุณสถาบันการเงินทั้ง 3 แห่งในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย ที่ทำให้การเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี พร้อมกันนี้ ช.การช่าง ยังพร้อมที่จะเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ในฐานะบริษัทชั้นนำที่ได้รับความไว้วางใจ ด้วยการบริหารงานที่ยึดหลักธรรมาภิบาล ด้วย ESG Rating ประจำปี 2567 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่เพิ่มขึ้นจากระดับ A สู่ระดับ AA รวมถึงการได้รับคะแนนประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาวหรือ “ดีเลิศ” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 ในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2567 โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) เพื่อตอกย้ำการเป็นทางเลือกที่ทำให้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนได้อย่างมั่นใจและสบายใจ”นายณัฐวุฒิกล่าว
