HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยให้แนวรับที่ 1,140 และ 1,120 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,170 และ 1,195 จุด รอตัวเลขส่งออกเดือนมี.ค.-กำไรบจ.-ความขัดแย้งทางการค้า ส่วนค่าเงินบาทธนาคารกสิกรไทยมองกรอบเคลื่อนไหวกว้าง 33-34 บาท/ดอลลาร์ฯ จากสัปดาห์ที่ผ่านมาแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 6 เดือนที่ 33.08 บาท
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (21-25 เม.ย. 2568) ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,140 และ 1,120 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,170 และ 1,195 จุด ตามลำดับ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนมี.ค. ของไทย ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ของบจ.ไทย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ การเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนเม.ย. (เบื้องต้น) ยอดขายบ้านใหม่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนเม.ย. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ
สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้นในวันทำการแรกหลังหยุดยาวช่วงสงกรานต์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ตอบรับประเด็นที่สหรัฐฯ ประกาศยกเว้นภาษีตอบโต้สำหรับสินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ซึ่งรวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ ประกอบกับมีแรงซื้อจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศเข้ามาหนุน โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มพลังงาน วัสดุก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นแกว่งตัวในกรอบแคบในเวลาต่อมา เนื่องจากยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้า ก่อนจะดีดตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงท้ายสัปดาห์ โดยมีแรงซื้อหลัก ๆ เข้ามาในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีก่อนการประกาศงบ และหุ้นกลุ่มพลังงานจากอานิสงส์ของราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้น อนึ่ง สัปดาห์นี้หุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวลงสวนทางภาพรวม เนื่องจากมีแรงเทขายทำกำไรในหุ้นที่ขึ้นเครื่องหมาย XD ประกอบกับนักลงทุนมีความกังวลต่อภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ของกลุ่มแบงก์
ในวันศุกร์ที่ 18 เม.ย. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,150.95 จุด เพิ่มขึ้น 1.97% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 32,909.53 ล้านบาท ลดลง 35.06% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 8.53% มาปิดที่ระดับ 252.17 จุด
ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า ( 21-25 เม.ย. 2568) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 33.00-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ
เงินบาทยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง (หลังตลาดในประเทศกลับมาเปิดทำการหลังจากหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์) สอดคล้องกับการแข็งค่าของเงินหยวนและเงินเอเชียอีกหลายสกุล สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่เผชิญแรงเทขายท่ามกลางความกังวลต่อผลกระทบจากสงครามการค้าที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
นอกจากนี้ เงินบาทยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ของราคาทองคำในตลาดโลก และสัญญาณฟันด์ โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติเข้าสู่ตลาดพันธบัตรไทย โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 6 เดือนที่ 33.08 บาทต่อดอลลาร์ฯ แต่ลดช่วงบวกและอ่อนค่ากลับมาบางส่วนตามแรงขายเพื่อปรับโพสิชันและจังหวะการย่อตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วน โดยมีแรงหนุนจากตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด และจากถ้อยแถลงของประธานเฟดและเจ้าหน้าที่เฟดที่ส่งสัญญาณไม่รีบปรับดอกเบี้ย เพราะต้องการรอดูผลกระทบจากภาษีการค้าต่อสถานการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐฯ ให้ชัดเจน
ในวันศุกร์ที่ 18 เม.ย. 2568 เงินบาทกลับมาปิดตลาดในประเทศที่ 33.43 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 33.63 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (11 เม.ย.)
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 16-18 เม.ย.2568 นั้นขายสุทธิหุ้นไทย 904 ล้านบาท แต่อยู่ในฝั่งซื้อสุทธิพันธบัตรไทยถึง 31,141 ล้านบาท
