HoonSmart.com>>บลจ.กรุงศรี แนะ 2 กองทุน “KFINFRA-KFGPROP” ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน-อสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก หลบความผันผวนจากสงครามการค้า ดอกเบี้ยขาลง โอกาสรับผลตอบแทนเงินปันผล กระจายความเสี่ยงและโอกาสสร้างการเติบโต
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี แนะนำลงทุน 2 กองทุน ในช่วงที่ตลาดผันผวนจากความกังวลเรื่องภาษีนำเข้าใหม่ของสหรัฐฯ และการตอบโต้จากประเทศคู่ค้า ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงศรีเน็กซ์เจเนเรชั่นอินฟราสตรัคเจอร์ (KFINFRA) และกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลพร็อพเพอร์ตี้ (KFGPROP)
ช่วงที่ผ่านมา ตลาดปรับตัวลดลงมามากจาก 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ สงครามการค้า การเปลี่ยนกลุ่มหุ้นจากกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐไปสู่หุ้นกลุ่มอื่นๆ และเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว จึงเกิดการปรับฐานเป็นโอกาสสำหรับมองหาทางเลือกลงทุนครั้งใหม่
“การกลับมาของประธานาธิบดีทรัมป์จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ และนโยบายภาษีล่าสุดได้เพิ่มความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความผันผวนของตลาดอย่างมีนัยสำคัญ สถานการณ์เช่นนี้จะเอื้อประโยชน์ต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจากคุณสมบัติเชิงรับได้พิสูจน์ให้เห็นว่าได้รับผลกระทบน้อยกว่าภาคธุรกิจอื่นในช่วงที่ตลาดปรับฐานที่ผ่านมา”
สำหรับกองทุน KFINFRA ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สาธารณูปโภค โทรคมนาคม เครือข่าย Server สัมปทานก่อสร้าง การจัดการพลังงาน ขณะที่กองทุน KFGPROP ลงทุนเฉพาะเจาะจงในหมวดอุตสาหกรรม จึงอาจมีความเสี่ยงและความผันผวนของราคาสูงกว่ากองทุนรวมทั่วไปที่มีการกระจายการลงทุนในหลายอุตสาหกรรม ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ซึ่งอาจมีต้นทุนสำหรับการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว โดยทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
จุดเด่นโดยรวมของทั้งสองกองทุน คือ
1) มีความ “Laggard” เป็นภาคอุตสาหกรรมที่ให้ผลตอบแทนน้อยกว่าตลาดโดยรวมมากที่สุดในรอบ 5 ปี จึงมีราคาที่น่าสนใจ
2) ได้รับประโยชน์มากที่สุดเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง
3) การเอาตัวรอดจากสงครามการค้าได้ในช่วงที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งแรก
กองทุนหลักของ KFINFRA คือ UBS (Lux) Infrastructure Equity Fund กองทุนหลักมอร์นิ่งสตาร์ 5 ดาว ภายใต้การบริหารของ UBS Asset Management ส่วนกองทุนหลักของ KFGPROP คือ Janus Henderson – Global Real Estate Fund ภายใต้การบริหารของ Janus Henderson Investors ซึ่งทั้งสองกองทุนหลักมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น เอาชนะตลาดได้อย่างต่อเนื่องติดต่อกันหลายปี มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในภาคธุรกิจเป็นอย่างดี
การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนใน 3 รูปแบบ คือ เงินปันผล การกระจายความเสี่ยงไปในอสังหาทุกประเภท และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องแบบปลอดภัยในภาวะที่ตลาดมีความผันผวน
กองทุนมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกที่มีคุณภาพสูงและกองทุน REITs ซึ่งมีสิทธิ์ในการถือครองทรัพย์สินมากกว่า สามารถบริหารจัดการทรัพย์สินได้โดยตรง และยังได้รับประโยชน์จากต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่า รวมถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ง่ายกว่าผู้ถือครองอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ
แนวคิดและกลยุทธ์ในการลงทุนคือสินทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต มีความได้เปรียบในการแข่งขัน สอดคล้องกับเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัล วิถีชีวิตที่ต้องการความสะดวกสบาย การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร และความยั่งยืน ธีมการลงทุนและภาคธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตได้แก่ โลจิสติกส์ เทคโนโลยีด้านอสังหา และ Healthcare ที่มีราคาน่าสนใจ
“ในช่วงที่ Bond Yield ปรับตัวลดลงอย่างมากตลอด 10 ปีที่ผ่านมา REITs สร้างผลตอบแทนเอาชนะตลาดได้เฉลี่ย 12% โครงสร้างพื้นฐานทำผลตอบแทนได้ประมาณ 9% ต่อปี ทั้งสองภาคธุรกิจจึงเป็นธุรกิจที่ได้ประโยชน์มากที่สุดเมื่อมีการลดอัตราดอกเบี้ย และช่วงที่ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีในครั้งแรกทำให้ตลาดเกิดความกังวลเรื่องภาษี แต่สองภาคธุรกิจนี้ก็สามารถเอาตัวรอดมาได้เป็นอย่างดี”บลจ.กรุงศรี เผย
