ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดปธน. “เวียดนาม” ลาออก ไม่ส่งผลต่อปัจจัยพื้นฐาน-GDP ระยะยาว

HoonSmart.com>> ” ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ประเมิน “ประธานาธิบดีหวอ วัน เถือง” เวียดนาม ลาออก อาจส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง-บรรยากาศในการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในระยะสั้น คาดไม่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานและการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า กระแสการปราบปรามการคอร์รัปชันในเวียดนามส่งผลให้ประธานาธิบดีหวอ วัน เถืองยื่นใบลาออก หลังดำรงตำแหน่งเพียง 1 ปี และนับเป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ที่ถูกกดดันให้ลาออกในช่วงปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าการลาออกของประธานาธิบดีหวอ วัน เถือง (Vo Van Thuong) เกี่ยวข้องกับการคดีการคอร์รัปชันในจังหวัดกว๋างหงาย (Quang Ngai province) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคยอยู่ในความรับผิดชอบของประธานาธิบดีมาก่อน ส่วนก่อนหน้านี้ อดีตประธานาธิบดีเหงียน ซวน ฟุก ก็ถูกกดดันให้ลาออกในเดือน ม.ค. 2023 จากคดีการคอร์รัปชันที่เกี่ยวของกับการบริหารจัดการในช่วงโควิดของผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา จึงเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจภายในพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง

การลาออกของประธานาธิบดีหวอ วัน เถือง อาจส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองและบรรยากาศในการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในระยะสั้น แต่คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานและการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามในระยะยาว การลาออกของประธานาธิบดีเวียดนามอาจส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติต้องการรอดูความชัดเจนทางการเมืองไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งประธานาธิบดีคนต่อไป

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเวียดนามวันที่ 21 มี.ค. เคลื่อนไหวในกรอบ 1,260.08-1,272.61 ในช่วง 1 ชั่วโมงแรกของการเปิดตลาด ซึ่งสูงกว่าราคาปิดตลาดของวันก่อนหน้า จึงสะท้อนว่าตลาดรับข่าวสารไปล่วงหน้าแล้ว ในขณะที่ ค่าเงินดองเปิดตลาดวันที่ 21 มี.ค. ที่ 24,765 ดองต่อดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจาก 24,784 ดองต่อดอลลาร์ของวันก่อนหน้า ซึ่งสอดคล้องกับค่าเงินในภูมิภาคที่ได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงหลังผลการประชุมเฟดออกมาวันที่ 20 มี.ค. ส่วนปัจจัยพื้นฐานที่เป็นกลไกผลักดันเศรษฐกิจเวียดนาม อาทิ ค่าจ้างแรงงานที่ยังต่ำ ความได้เปรียบจากการมีความตกลงทางการค้ากับประเทศคู่ค้าที่หลากหลาย และโครงสร้างประชากรที่มีคนวัยหนุ่มสาวมาก จะยังเป็นปัจจัยหลักที่หนุนการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามในระยะกลาง