BKA ขายเกลี้ยง IPO 60 ล้านหุ้น จ่อเทรด mai 22 เม.ย.นี้

HoonSmart.com>>”บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป”(BKA) ปิดจ๊อบขายหุ้น IPO 60 ล้านหุ้น หมดเกลี้ยง สะท้อนความมั่นใจศักยภาพการเติบโตในอนาคต พร้อมเดินเครื่องขยายพอร์ตธุรกิจให้บริการปรับปรุงบ้านมือสองเพื่อขาย และสร้างแพลตฟอร์ม “Prop Tech” Virtual Reality มิติใหม่ในการดูบ้านเสมือนจริงทางออนไลน์ จ่อลงสนามเทรด mai 22 เม.ย.นี้ ด้านผู้ถือหุ้นใหญ่ พร้อมใจ Lock Up หุ้น 87%

นางสาวออมสิน ศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทบางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป (BKA) เปิดเผยว่า หลังจากเปิดเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ของ BKA จำนวน 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 1.80 บาท ระหว่างวันที่ 8-10 เม.ย. ที่ผ่านมา ปรากฏว่า นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้นเต็มจำนวนตั้งแต่วันแรก ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท รวมถึงศักยภาพและโอกาสการเติบโตของ BKA ในอนาคต ทั้งนี้ หุ้น BKA มีความพร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 22 เมษายน 2568 นี้

“ธุรกิจของ BKA ไม่ใช่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยตรง แต่เป็นธุรกิจการให้บริการปรับปรุงบ้านมือสองเพื่อขาย “ธุรกิจบ้านแต่ง” หรือ “Flipping” ซึ่งธุรกิจในรูปแบบดังกล่าว เป็นการวางเงินประกัน เพื่อปรับปรุง และขายบ้าน โดยไม่ต้องลงทุนซื้อบ้านทั้งหลัง ทำให้บริษัท มีส่วนต่างของผลตอบแทนที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องลงทุนตั้งแต่การซื้อที่ดินและก่อสร้าง ดังนั้นด้วยศักยภาพและจุดเด่น จึงมองว่า BKA เป็นหุ้นน้องใหม่ IPO ที่จิ๋วแต่แจ๋ว ในเรื่องของการสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน”นางสาวออมสินกล่าว

นายพชร ธนวงศ์เกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป (BKA) เปิดเผยว่า ขอขอบคุณนักลงทุนที่เชื่อมั่นในศักยภาพและการเติบโตของบริษัท จนทำให้แผนการเสนอขายหุ้น IPO ของ BKA ในครั้งนี้ประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุนที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตไปพร้อมกับ BKA สำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตสู่การเป็นผู้นำธุรกิจบริการซื้อ-ขายบ้านมือสองตกแต่งใหม่ ภายใต้ธุรกิจให้บริการปรับปรุงบ้านมือสองเพื่อขาย ในรูปแบบธุรกิจบ้านแต่ง(Flipping) ธุรกิจนายหน้าซื้อ-ขาย อสังหาริมทรัพย์ (ธุรกิจบ้านฝาก) และธุรกิจซื้อบ้านมือสองมาปรับปรุงเพื่อขาย (ธุรกิจบ้านตัด) ซึ่งทำให้ในวันนี้ “BKA เป็นที่หนึ่งเรื่องบ้านมือสอง” เนื่องจากเป็นผู้ประกอบการที่ให้บริการซื้อ-ขายบ้านมือสองที่ครอบคลุมทุกมิติ

ภายหลังจากที่ได้เงินจากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทมีแผนในการนำเม็ดเงินไปขยายพอร์ตการให้บริการบ้านแต่ง (Flipping) เพิ่มขึ้น รวมถึงนำไปพัฒนาธุรกิจ Property Technology (Prop Tech) โดยสร้าง Platform ตัวกลางในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ จากการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาข้อมูลให้แก่ผู้ที่ต้องการซื้อบ้าน และเทคโนโลยีระบบเสมือนจริง (Virtual Reality) มาใช้ในการแนะนำบ้านให้กับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านได้เห็นภาพบ้านเสมือนจริงทางออนไลน์ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการดูบ้าน และเพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถทางการแข่งขัน สู่การสร้างโอกาสการเติบโตให้กับบริษัทในอนาคต

“ผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้ก่อตั้งบริษัท ที่ถือหุ้นรวมกัน 87% ของทุนชำระแล้วก่อน IPO หรือคิดเป็น 62.14% ของทุนชำระแล้วหลัง IPO นอกจากจะนำหุ้นติด Silent Period ตามหลักเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดห้ามขายหุ้นในสัดส่วน 55% ของทุนชำระแล้วหลัง IPO เป็นระยะเวลา 1ปี แล้ว หุ้นที่เหลือส่วนที่ไม่ติด Silent Period ตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ จำนวน 15ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 7.14% ของทุนชำระแล้วหลัง IPO จะถูกห้ามขายโดยสมัครใจ (Voluntary IPO Lock Up) เป็นระยะเวลา 3เดือน นับตั้งแต่วันที่เริ่มทำการซื้อขายหุ้นของบริษัท ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ส่งผลให้มีหุ้นเดิมที่ถือโดยกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ที่พร้อมใจกันงดการเสนอขาย หรือโอนด้วยวิธีการใดๆ นับแต่วันที่หุ้นเริ่มซื้อขาย (Lock-Up) ทั้งหมด 87% เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน”

นอกจากนี้ นายพชร ยังได้กล่าวถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวในช่วงที่ผ่านมาว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจ BKA เนื่องจากบริษัทดำเนินธุรกิจบริการซื้อขายบ้านมือสองตกแต่งใหม่ ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์แนวราบโอกาสมีความเสียหายจากแผ่นดินไหวน้อยมากเมื่อเทียบกับอสังหาริมทรัพย์แนวสูง เช่น คอนโดมิเนียม ซึ่งบ้านของบริษัททุกหลังไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และบริษัทได้รับผลเชิงบวก เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียม เปลี่ยนใจมาซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบแทน และด้วยระดับราคาที่คุ้มค่า ซึ่งBKA สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ โดยจะเห็นได้จากล่าสุด มีลูกค้าสนใจติดต่อเข้ามาดูบ้านมือสองของ BKA เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มบ้านเดี่ยวในระดับราคา 5-7 ล้านบาท ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวสะท้อนถึงอัตราความต้องการบ้านมือสองตกแต่งใหม่ของบริษัทที่เพิ่มขึ้น

ด้านนางนิสาภรณ์ ฤกษ์อร่าม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า หลังจากปิดการจองซื้อหุ้น IPO ของ BKA มีผลตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน ที่เชื่อมั่นในศักยภาพและโอกาสการเติบโตของธุรกิจ และด้วยความเชี่ยวชาญ ควบคู่กับประสบการณ์ในธุรกิจของผู้บริหารมาเป็นระยะเวลามากกว่า 12 ปี ยิ่งตอกย้ำศักยภาพความน่าเชื่อถือในการสร้างโอกาสการเติบโตให้กับบริษัท

การระดมทุนของ BKA ในครั้งนี้ จะช่วยสร้างความแข่งแกร่งด้านฐานะทางการเงินให้แก่บริษัทที่พร้อมจะนำไปสร้างโอกาสเพื่อต่อยอดการลงทุน โดยเฉพาะในธุรกิจให้บริการบ้านแต่ง (Flipping) เพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวสามารถสร้างผลตอบแทนสูงเพราะเป็นธุรกิจที่วางเงินประกัน เพื่อปรับปรุง และขายบ้าน โดยไม่ต้องลงทุนซื้อบ้านทั้งหลัง ทำให้ประหยัดเงินลงทุน นอกจากนี้มองว่า ตลาดบ้านมือสองยังมีศักยภาพการเติบโต โดยเห็นได้จาก สถาบันการเงินและ AMC มีทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ที่ค้างอยู่ในระบบจำนวนมาก และเป็นสินค้าบ้านมือสองทำเลดี ราคาคุ้มค่าต่อการลงทุน ซึ่งสอดรับกับการดำเนินธุรกิจของ BKA ที่ให้บริการปรับปรุงและขายบ้านมือสอง ซึ่งมีรายได้กระจายไปในบ้านแต่ง บ้านฝาก และบ้านตัด หลายโครงการในทำเลที่ดี

อย่างไรก็ตาม จากศักยภาพความแข็งแกร่ง ส่งผลให้ BKA มีอัตราการเติบโตอย่างโดดเด่น โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2565-2567) มีรายได้รวม จำนวน 1,302.92 ล้านบาท 1,313.59 ล้านบาท และ 1,142.46 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิในปี 2565-2567 จำนวน 21.44 ล้านบาท 22.27 ล้านบาท และ 36.82 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 1.65 ร้อยละ 1.70 และร้อยละ 3.22 ตามลำดับ