PRM ส่งซิก Q1/68 สดใส รับรู้รายได้พิเศษขายจําหน่ายเรือ FSU

HoonSmart.com>>”พริมา มารีน”(PRM) ส่งซิกผลงานไตรมาส 1/68 สดใส รับรู้รายได้พิเศษจากการจําหน่ายเรือ FSU 1 ลํา พร้อมวางเป้ารายได้ปี 68 แตะหมื่นล้านบาท ทุ่มงบ 2-3 พันล้าน ขยายกองเรือเสริมแกร่งธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่ม Offshore Support Vessel (OSV) เชื่อยังมีโอกาสโตต่อเนื่องในอีก 3-5 ปี จากนี้

นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อํานวยการสายการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน (PRM) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่ารายได้ในปี 2568 จะเติบโตทําสถิติใหม่ จากการที่มีเรือใหม่เข้ามาให้บริการมากขึRน ทัRงเรือ Hybrid Crew Boat จํานวน 2 ลํา ที่ให้บริการบริษัทน้ำมันแห่งชาติอาบูดาบี และเรือขนส่งและจัดเก็บนํRามันดิบสําหรับแท่นขุดเจาะน้ำมัน (FSO) อีกจํานวน 1 ลํา โดยเริ่มให้บริการและรับรู้รายได้ทันทีตั้งแต่ไตรมาส 1/68 ที่ผ่านมาภายใต้สัญญาระยะยาว รวมถึงยังมีแผนรับเรือ Crew Boat ต่อใหม่เข้ามาเพิ่มอีก 2 ลํา ในครึ่งแรกของปี 2568

พร้อมเผยแผนขยายธุรกิจต่อเนื่อง ด้วยงบลงทุน 2,000 – 3,000 ล้านบาท เพื่อขยายกองเรือในกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในระยะยาว ทั้งกลุ่มเรือขนส่งปิโตรเคมีเหลวทีKได้อานิสงส์จากความต้องการขนส่งปิโตรเคมีของลูกค้ากลุ่มโรงกลั่นต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงธุรกิจกลุ่ม Offshore Support Vessel (OSV) ที่ยังคงมีความต้องการใช้งานสูงในภูมิภาค อันเนื่องมาจากการขยายตัวของกิจกรรมสํารวจและผลิตในแถบอ่าวไทย และกลุ่มธุรกิจ OSV นี้ ยังถือเป็นธุรกิจดาวรุ่งทีKจะเข้ามาเสริมเสถียรภาพให้กับรายได้ของบริษัทฯ ด้วยเช่นกัน

“การขยายธุรกิจไปในกลุ่ม OSV เป็นกลยุทธ์สําคัญที่จะช่วยลดความผันผวนของธุรกิจโดยรวม เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีสัญญาระยะยาวรองรับ ทําให้บริษัทฯ มีรายได้ที่มั่นคงแน่นอน” นายวิริทธิ์พล กล่าว

สําหรับผลการดําเนินงานในไตรมาส 1/68 มีแนวโน้มสดใสเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และไตรมาสก่อนหน้า QoQ) หลังให้บริการเรือใหม่เพิ่มเติมตามที่กล่าวไปข้างต้น และการกลับมาให้บริการของ 2 เรือใหญ่ VLCC และ AWB ที่เข้าอู่ซ่อมในช่วงไตรมาส 4/67 พร้อมสร้างรายได้ที่มั่นคงต่อเนื่องต่อจากนี้

นอกจากนี้ ในไตรมาส 1/68 บริษัทฯ มีการจําหน่ายเรือกักเก็บและผสมน้ำมันกลางทะเล (FSU) 1 ลํา เนื่องจากเรือมีอายุการใช้งานมากตามกลยุทธ์ในการปรับลดอายุกองเรือ และเป็นการขายทํากําไรก่อนเพื่อป้องกันผลกระทบทางเศรษฐกิจการสงครามการค้า จึงเป็นจังหวะเหมาะสมในการขาย และจะเริ่มให้บริการเรือ FSU ลําใหม่ตามแผนในเดือน พ.ค. 2568 ทําให้ยังคงมีเรือ FSU ให้บริการจํานวน 5 ลําเท่าเดิม พร้อมกันนี้การจําหน่ายเรือลําดังกล่าวยังเป็นรายได้พิเศษที่จะช่วยเสริมผลประกอบการในไตรมาสนี้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

นายวิริทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การจําหน่ายเรือออกไปในไตรมาสนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การบริหารจัดการสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เพียงช่วยสร้างรายได้พิเศษเข้ามาเสริมผลประกอบการเท่านั้น แต่ยังเป็นการปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมตามสภาวะตลาด ขณะเดียวกัน การนําเรือใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงเข้ามาทดแทน จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และลดต้นทุนการดําเนินงานในระยะยาว”

ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าผลกระทบจากสงครามการค้าและมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกา จะกระทบกับผลการดําเนินงานของบริษัทฯ ในวงจํากัด เนื่องจาก PRM ดําเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศและภูมิภาคอาเซียนเป็นหลัก และในปี 2568 บริษัทฯ มุ่งขยายพอร์ตธุรกิจในกลุ่มที่มีศักยภาพสูง พร้อมรักษาประสิทธิภาพกองเรือให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร เพื่อผลักดัน PRM สู่เป้าหมายการเติบโต และสร้างรายได้ทะลุหมื่นล้านตามที่ตั้งใจไว้”