บริษัทจดทะเบียนไทยยังครองความเป็นผู้นำในอาเซียน “ด้านกำกับดูแลกิจการที่ดี” คะแนนนำโด่ง เฉลี่ย 85.73 คะแนน ตามด้วย มาเลเซีย 82.41 คะแนน และสิงคโปร์ 78.45 คะแนน PTTGC สุดยอด ติดอันดับ 1 ใน 5 รวม 50 อันดับแรก บริษัทไทยเข้ารอบ 11 บริษัท และ อีก 8 บริษัทติดกลุ่ม 70 อันดับแรก
นายประสัณห์ เชื้อพานิช ประธานกรรมการ สถาบันกรรมการบริษัทไทย กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นอีกปีที่ ASEAN CG Scorecard มีพัฒนาการด้านหลักเกณฑ์ที่สำคัญเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้ม CG สากล นอกจากนี้ยังมีการปรับแนวทางในการพิจารณาให้คะแนน การเปลี่ยนแปลงน้ำหนักรายหมวดและรายข้อ ซึ่งล้วนมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของคะแนนการประเมิน จึงน่าชื่นชมที่บริษัทจดทะเบียนไทยยังสามารถรักษาความเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนได้
ทั้งนี้ ASEAN Capital Markets Forum จัดงานมอบรางวัล ASEAN CG Scorecard ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมี Minority Shareholders Watch Group ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกำกับดูแลกิจการของประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ งานดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อยกย่องความมุ่งมั่นของบริษัทจดทะเบียนในอาเซียนที่มีการนำหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีมาใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทจดทะเบียนไทยยังคงเป็นผู้นําที่ได้คะแนนเฉลี่ยสูงสุดตามมาตรฐาน ASEAN CG Scorecard โดยมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 85.73 คะแนน รองลงมาคือ ประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 82.41 และ 78.45 ตามลําดับ
นอกจากการประกาศผลคะแนนการประเมินแล้ว ในงานดังกล่าวยังมีการมอบรางวัลแก่บริษัทจดทะเบียนที่ติดอันดับ 50 บริษัทแรกที่ได้คะแนน ASEAN CG Scorecard สูงสุด ซึ่งรายชื่อทั้งหมดได้สอบผ่าน Validation Process โดยผู้ประเมินอิสระจากภายนอก ได้แก่ KPMG ซึ่งถือเป็นกระบวนการใหม่ที่ ASEAN CG Scorecard นำมาใช้เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นในผลประเมินแก่นักลงทุน โดยใช้วิธีสัมภาษณ์คณะกรรมการเพื่อพิจารณาถึงความสอดคล้องระหว่างการเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติจริง ซึ่งมีบริษัทจดทะเบียนที่ติด 50 บริษัทแรกจากประเทศมาเลเซีย 14 บริษัท สิงคโปร์ 12 บริษัท ไทย 11 บริษัท ฟิลิปปินส์ 9 บริษัท และอินโดนีเซีย 4 บริษัท โดยบริษัทจดทะเบียนไทยที่ได้คะแนน CG สูงสุด 5 อันดับแรกของอาเซียน ได้แก่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC)
นายประสัณห์ กล่าวว่า นอกจากเรื่อง CG แล้ว จําเป็นที่บริษัทจดทะเบียนไทยต้องมีการพัฒนาต่อไป โดยเฉพาะในประเด็นที่ ASEAN ให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดนโยบายค่าตอบแทนและเปิดเผยค่าตอบแทนของผู้บริหาร การกำหนดนโยบายความหลากหลายของคณะกรรมการ เช่น เพศ อายุ ทักษะ ความเชี่ยวชาญ และนำไปปฏิบัติ โดยมีการกำหนดเป้าหมาย พร้อมติดตามและรายงานผล รวมถึงบทบาทของคณะกรรมการเกี่ยวกับการกำกับดูแลด้านกลยุทธ์ ความเสี่ยงและ IT ซึ่งสถาบัน IOD จะสนับสนุนและส่งเสริมความรู้ในประเด็นดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง”
นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต. ในภูมิภาคอาเซียนริเริ่มและสนับสนุนให้มีโครงการ ASEAN CG Scorecard ด้วยเชื่อว่า การประเมินนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพในการกํากับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนในภูมิภาคอาเซียนให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และทําให้เป็นกลุ่มประเภทสินทรัพย์ที่ยอมรับของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งผลการสำรวจในปี 2017 ได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามและการให้ความสำคัญในเรื่องการกำกับดูแลกิจการทั้งจากหน่วยงานกำกับดูแลและบริษัทจดทะเบียน ซึ่งนอกจากที่บริษัทไทยได้คะแนนเฉลี่ยสูงเป็นอันดับหนึ่ง หากพิจารณาบริษัทจดทะเบียนของอาเซียนที่มีคะแนนสูงสุด 70 อันดับแรก ไทยยังคงจำนวนสูงสุดที่ 19 บริษัท นำมาเลเซียและสิงคโปร์ที่มีบริษัทจำนวน 18 และ 16 บริษัทตามลำดับ
อย่างไรก็ดี จากผลสำรวจทำให้เห็นประเด็นที่บริษัทจดทะเบียนไทยสามารถปรับปรุงและปฏิบัติให้ดีขึ้นได้ ซึ่ง ก.ล.ต. จะร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย และองค์กรที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางในการสนับสนุนให้ยังคงรักษาความเป็นผู้นํา CG ในภูมิภาคอาเซียน และมีพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้หุ้นไทยเป็นหลักทรัพย์ ASEAN ที่น่าลงทุนต่อไป
สำหรับ ASEAN CG Scorecard เป็นโครงการที่ริเริ่มโดย ASEAN Capital Markets Forum ซึ่งเกิดจากการสนับสนุนของ ก.ล.ต. ใน ภูมิภาคอาเซียน เพื่อทำการประเมินการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนหกประเทศในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม โดยได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2555 ประเมินบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงสุด 100 อันดับแรก ณ วันที่ 31 มีนาคม ทั้งนี้สถาบันกรรมการบริษัทไทยได้รับการพิจารณาจาก ก.ล.ต. ไทยให้เป็น CG Expert และองค์กรผู้ทำการประเมินในนามของประเทศไทย