HoonSmart.com>>ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) คาด SET Index วันนี้เคลื่อนไหว Sideway ในกรอบ 1,150-1,170 จุด พร้อมติดตามการเจรจาและถ้อยแถลงของ FED คืนนี้ ด้าน DJIA, S&P500 และ Nasdaq ปิดลบแรง หลังนโยบายภาษีของทรัมป์จุดชนวนความกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย นักลงทุนแห่เข้าพันธบัตรรัฐบาล หนุนดัชนี VIX พุ่งสูง
บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI รายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบหนัก โดย DJIA (-3.98%), S&P500 (-4.84%) และ Nasdaq (-5.97%) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการประกาศใช้มาตรการตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) และภาษีศุลกากรพื้นฐานแบบครอบคลุม (Universal Tariff) 10% ของ Donald Trump เมื่อวาน จะนำไปสู่สงครามการค้า และ ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกเผชิญภาวะถดถอย
โดยล่าสุด จีนที่ถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม 34% และ EU 20% ประกาศว่าจะใช้มาตรการตอบโต้สหรัฐฯ โดย ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) พุ่งขึ้น 39.56% แตะระดับ 30.02 โดยนักลงทุนขายสินทรัพย์เสี่ยงไปเข้าพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณ S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยกลุ่มพลังงาน (-7.51%), กลุ่มเทคโนโลยี (-6.86%) ในขณะที่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวขึ้น (0.69%)
ด้านสัญญาน้ำมันดิบ WI ปิดลบ 6% อยู่ที่ US$66.95/bbl ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ 11 ก.ค. 2022 ถูกกดดันจากการประกาศเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC และความกังวลด้านอุปสงค์
• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหว Sideway ในกรอบใหม่บริเวณ 1,150-1,170 จุด และ เห็นสัญญาณที่บวกมากขึ้นหลังหุ้นไทยปรับตัวลดลงน้อยกว่า
เราเชื่อตลาดกำลังรอประเด็นการเจรจา (แผนรับมือจากรัฐบาลไทย) และ การตอบโต้นโยบายภาษีของประเทศคู่ค้า หลังการประกาศนโยบายภาษีเพิ่มเติมและ Universal Tariff 10% เมื่อวานนี้เพื่อเพิ่มอำนาจในการเจรจาต่อรองกับประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐ
เราแนะนำติดตามการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm) คืนนี้ และถ้อยแถลงของ เจอโรม พาวเวล ประธานเจ้าหน้าที่ FED วันนี้เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ เวลา 22.45 น.
ทั้งนี้ทำเนียบขาวได้แก้ตัวเลขอัตราภาษีเพิ่มเติม ซึ่งแตกต่างจากตัวเลขภาษีตอบโต้ที่ Donald Trump แถลงข่าวได้แก่ ประเทศไทย เป็น 37% จากเดิม 36%
ทั้งนี้เราเชื่อว่าการที่ประเทศจีนโดนภาษีนำเข้าเพิ่มเติม 34% เป็นทั้งหมด 54% จะทำให้อาจมีสินค้าจีนราคาถูกไหลเข้ามาในโซนเอเชียมากขึ้นกดดันเงินเฟ้อเพิ่มเติม เราคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปีนี้ จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และนโยบายภาษี โดยเฉพาะแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ย (วันที่ 30 เม.ย.)
เรายังคงแนะนำระมัดระวัง
1) กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA CCET KCE) จากแนวโน้มการลงทุนใน Data Centre อย่าง Microsoft ที่ชะลอการลงทุน Data Centre กดดันมุมมองขนาดเม็ดเงินในธุรกิจ AI และอาจมี Hyperscaler เจ้าอื่นชะลอการลงทุนเพิ่มเติม
2) นิคมอุตสาหกรรม (WHA AMATA) จาก outlook ยอด presales ที่ดินที่อาจลดลง โดย presales ทุก 200 ไร่/ปี ที่ลดลง กระทบกำไรสุทธิ WHA และ AMATA ราว 6-7% และ 2.7-2.9%
3) ท่องเที่ยวจากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนอ่อนแอใน 1Q25 และเหตุการณ์แผ่นดินไหว, 4)กลุ่ม Petrochemical (SCC IRPC) จากอุปทานจีนยังสร้างแรงกดดัน และ
5) กลุ่มส่งออกอาหาร อย่าง TU และ ITC ที่มีสัดส่วน US จำนวนมาก (ถึงแม้ว่า TU จะมีการอนุมัติเพิ่มวงเงินในการซื้อหุ้นคืน แต่เรามีมุมมอง Neutral เนื่องจากนโยบายภาษี)
• หุ้นแนะนำ
KTB: เราแนะนำรอ และหาจังหวะสะสมกลุ่ม High yield ราว 7.1-7.4% ท่ามกลางนโยบายภาษี และการตอบโต้นโยบายภาษีการค้าที่ไม่แน่นอน หากราคาปรับตัวลงจากการตั้งสำรองฉุกเฉินจากแผ่นดินไหวใน 1Q25 และการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่จะกระทบอัตรากำไรสุทธิ
(Take profit: 24.0 / Stop loss: 22.0)
CBG : จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เราเชื่อว่าจะได้รับผลกระทบจำกัด เนื่องจากมีความเสี่ยงในเมียนมาน้อย เราคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 25.5% ใน 1Q25F เป็น 26% ใน FY25F จากยอดขาย Energy drink แข็งแกร่ง (Take profit : 62.0 / Stop loss : 58.25)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
#CGSI