ตลท.เปิดมูลค่าพอร์ตต่างชาติถือหุ้นไทยปี 67 เพิ่มขึ้น 14.2% แตะ 5.83 ล้านลบ.

HoonSmart.com>> ตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่องพฤติกรรม “การถือครองหุ้น-การซื้อขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ” ปี 67 เพิ่มขึ้น 14.2% มูลค่ารวมกว่า 5.83 ล้านล้านบาท จากสิ้นปี 66 อยู่ที่ 5.11 ล้านล้านบาท สัดส่วนมูลค่าการถือหุ้นต่อมาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้นแตะ 33.82% จาก 29.39% ในปี 66 สวนทางดัชนี SET ลดลง 1.1% เหตุได้แรงหนุนราคาหุ้นบจ.ใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ผสมการเข้าถือหุ้นเพิ่มขึ้นในบางบริษัท แม้ภาพรวมทั้งปีต่างชาติขายสุทธิกว่า 1.46 แสนล้านบาท

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากการศึกษาข้อมูลการถือครองหุ้นและการซื้อขายหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (ตลาดหุ้นไทย) พบว่า ณ สิ้นปี 2567 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียน 868 หลักทรัพย์ มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 5.83 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 33.82% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด ขณะที่ ณ สิ้นปี 2566 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียน 832 หลักทรัพย์ มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 5.11 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 29.39% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด

หากเปรียบเทียบข้อมูลการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ ณ สิ้นปี 2567 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2566 พบว่า ณ สิ้นปี 2567 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหลักทรัพย์ใหม่ 55 หลักทรัพย์ ซึ่ง 34 จากทั้งหมด 55 หลักทรัพย์ (ประมาณ 62%) เป็นหลักทรัพย์ที่เพิ่งเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ในปี 2567 และอีก 21 หลักทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายในตลาดอยู่แล้ว

ในทางกลับกันพบว่า มีหลักทรัพย์ 14 หลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศมีการถือครองหุ้นอยู่ ณ สิ้นปี 2566 แต่กลับไม่มีในพอร์ตของนักลงทุนต่างประเทศ ณ สิ้นปี 2567 ซึ่งทั้งหมดเป็นหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนที่เพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในปี 2567

สำหรับหลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นต่อเนื่อง 813 หลักทรัพย์ พบว่า 222 หลักทรัพย์มีมูลค่าการถือครองหุ้นเพิ่มขึ้น ขณะที่ 591 หลักทรัพย์มีมูลค่าการถือครองหุ้นลดลง และเมื่อพิจารณาสาเหตุหลักที่ทำให้มูลค่าการถือครองหุ้นโดยรวมเพิ่มขึ้น พบว่า ส่วนใหญ่เป็นผลจากราคาหลักทรัพย์ที่ปรับเพิ่มขึ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่และการถือครองเพิ่มขึ้นในบริษัทจดทะเบียนบางบริษัท

หากพิจารณาการปลี่ยนแปลงของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ พบว่า มูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ ณ สิ้นปี 2567 มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 14.2% จากสิ้นปี 2566 สาเหตุสำคัญจากราคาหลักทรัพย์ที่ปรับเพิ่มขึ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่และการถือครองเพิ่มขึ้นในบริษัทจดทะเบียนบางบริษัท สวนทางกับ SET Index ที่ลดลง 1.1% ส่งผลให้สัดส่วนมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศต่อมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด (market cap) ณ สิ้นปี 2567 อยู่ที่ระดับ 33.82% เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2566 ที่อยู่ที่ระดับ 29.39%

ในปี 2567 นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการซื้อขายหุ้นรวมกว่า 11.36 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 1.95 เท่าของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ และเมื่อพิจารณามูลค่าการซื้อขายสุทธิ ที่จำแนกตามกลุ่มหลักทรัพย์ตามสิทธิการออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น พบว่า ตลอดทั้งปี 2567 นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 146,906 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 149,837 ล้านบาท ใน local shares และขายสุทธิ 38,786 ล้านบาท ใน foreign shares แต่ซื้อสุทธิใน NVDR 41,417 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณามูลค่าการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศ พบว่า ในปี 2567 นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิรวม 146,906 ล้านบาทในตลาดหุ้นไทย พบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 149,837 ล้านบาท ใน local shares และขายสุทธิ 38,786 ล้านบาท ใน foreign shares แต่ในขณะเดียวกันมีการซื้อสุทธิในส่วนของ NVDR 41,717 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนขายสุทธิในส่วนของเงินลงทุนระยะสั้น แต่ซื้อสุทธิสำหรับการลงทุนระยะสั้นและระยะกลางใน NVDR ขณะที่ขายสุทธิใน Foreign shares เล็กน้อยเนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้น

ดังนั้น จากข้อมูลของนักลงทุนต่างประเทศทั้งจากการถือครองหุ้นและการซื้อขายหุ้น สรุปได้ว่า ณ สิ้นปี 2567 พอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทยมีขนาดเพิ่มขึ้นโดยมีสาเหตุสำคัญจากราคาหลักทรัพย์ที่ปรับเพิ่มขึ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่และการถือครองเพิ่มขึ้นในบริษัทจดทะเบียนบางบริษัท ขณะที่ข้อมูลการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศจำแนกกลุ่มหลักทรัพย์ตามสิทธิในการออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น สะท้อนว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อขายเพื่อทำกำไรระยะสั้นผ่าน local shares และขายสุทธิใน foreign shares เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้น