HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นปิดร่วง 10.88 จุด ตามตลาดต่างประเทศ หวั่นเศรษฐกิจไทยรับผลกระทบหลังสหรัฐจะเก็บภาษีฯจากไทย 36% เงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงชัดเจน นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 2,100.28 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 3,817.58 ล้านบาท แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ขึ้นอยู่กับทิศทางตลาดสหรัฐคืนนี้ แนวรับ 1,140-1,150 จุด แนวต้าน 1,170-1,180 จุด
ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 3 เม.ย.67 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,161.81 จุด ลดลง 10.88 จุด หรือ -0.93% มูลค่าซื้อขาย 41,064.80 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,164.29 จุด ต่ำสุด 1,156.39 จุด
นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 2,100.28 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 141.79 บาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 3,817.58 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,859.09 ล้านบาท
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวลงเช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า และดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็ร่วงไปราว 1,000 จุด ชัดเจนเงินโยกออกจากสินทรัพย์เสี่ยงไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งทองคำ, พันธบัตร หลังสหรัฐฯประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ โดยไทยก็ถูกเรียกเก็บภาษีฯถึง 36% ซึ่งไม่มีใครคาดคิดมากก่อนจะมากขนาดนี้ จากนี้ก็ต้องติดตามต่อไปว่าประเทศที่โดนสหรัฐฯรีดภาษีฯจะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งประเทศที่กำลังพัฒนาคงจะเข้าสู่กระบวนการเจรจา รวมถึงไทยที่อาจต้องยอมเจรจา ซึ่งก็มีทางเลือกอย่างเช่น อาจยอมให้มีการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯมากขึ้น หรือลดอุปสรรคที่เคยทำไว้กับสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทย และ Emerging Market ต่างก็ปรับตัวลงน้อยกว่าตลาดของประเทศพัฒนาแล้ว
ทั้งนี้ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีฯอย่างที่ประกาศไว้จริง สหรัฐฯก็จะได้รับผลกระทบมากสุด ทั้งต้นทุนที่สูงขึ้น ราคาสินค้าสูงขึ้น ความเป็นไปได้มากขึ้นที่สหรัฐฯจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย สำหรับไทยคาดว่า GDP ปีนี้จะเติบโตน้อยกว่าที่เคยประเมินไว้ ซึ่งมาตรการภาษีที่เก็บจากไทยจะกระทบต่อเศรษฐกิจมากกว่าตลาดหุ้น โดยกลุ่มส่งออกได้รับผลกระทบชัดเจน
พร้อมให้จับตา ISM ภาคบริการของสหรัฐที่จะออกมาในคืนนี้ หลังภาคการผลิตออกมาแย่ และพรุ่งนี้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (4 เม.ย.) ขึ้นอยู่กับทิศทางตลาดสหรัฐคืนนี้ โดยมีแนวรับ 1,140-1,150 จุด แนวต้าน 1,170-1,180 จุด
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
GULF ปิดที่ 48.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 4,431.91 ล้านบาท
KBANK ปิดที่ 161.50 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ -1.52% มูลค่าซื้อขาย 3,054.22 ล้านบาท
BBL ปิดที่ 144.50 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ -2.36% มูลค่าซื้อขาย 2,354.95 ล้านบาท
KTB ปิดที่ 23.50 บาท ลดลง 0.80 บาท หรือ -3.29% มูลค่าซื้อขาย 2,182.61 ล้านบาท
DELTA ปิดที่ 60.50 บาท ลดลง 7.00 บาท หรือ -10.37% มูลค่าซื้อขาย 1,661.33 ล้านบาท