“คิงส์ฟอร์ด”คาดหุ้นร่วงรับทรัมป์เก็บภาษีไทยสูง 36% หวั่นฉุด GDP ลงมากกว่า 1%

HoonSmart.com>>บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินหุ้นไทยมีโอกาสปรับลดลง หลังถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 36% สูงกว่าคาดไว้ที่ 20 – 25% อาจส่งผลลบต่อ GDP ไทยมากกว่า 1% รอการเจรจาสหรัฐฯเพื่อลดผลกระทบ ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,135 – 1,148 จุด แนะพักเงินกลุ่มปลอดภัย CPALL,BJC,BH,BDMS,BCP หุ้นเด่น MTC,NSL

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,135 – 1,148 จุด แนวต้าน 1,180 จุด โดยดัชนีมีโอกาสปรับลดลง หลังถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา36% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ราว 20 – 25% เนื่องจากสหรัฐประเมินไทยใช้มาตรการด้านภาษีและไม่ใช่ภาษีต่อสินค้าสหรัฐที่อัตรา 72% จากปัจจัยดังกล่าวถือว่าเป็น Negative Surprise และอาจส่งลบต่อ GDP ไทยปีนี้มากกว่าระดับ 1% และยังต้องรอการเจรจาการค้ากับสหรัฐเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว แนะนำพักเงินในกลุ่มปลอดภัย เช่น CPALL,BJC,BH,BDMS,BCP

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐปิดเมื่อคืนนี้ DJIA +0.56%, S&P500 +0.67%, Nasdaq +0.87% ได้แรงหนุนจากสินค้าฟุ่มเฟือย +2.02%,อุตสาหกรรม +0.93% ขณะที่อุปโภค -0.18%, บริการสื่อสาร -0.14% ก่อนทราบ มาตรกรการปรับขึ้นภาษีศุลกากรขอปะธานาธิบดีทรัมป์ ส่วนตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ มี.ค. เพิ่มขึ้น 155,000 สูงกว่าคาด 120,000 ราย

มาตรการปรับขึ้นภาษีศุลกากรของ ประธานาธิบดีทรัมป์ โดยจะเก็บภาษีศุลกากรพื้นฐานกับทุกประเทศที่ 10% มีผลวันที่ 5 เม.ย. และเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กับกลุ่มเป้าหมาย เช่น จีน 34%, อินเดีย 26%, เกาหลีใต้ 25%, ญี่ปุ่น 24%, ไต้หวัน 32%, EU 20%, เวียดนาม 46%, อินโดนีเซีย 32% และไทย 36% ซึ่งเป็นมาตรการตอบโต้เพียงครึ่งเดียวกับประเทศคู่ค้าเหล่านี้ที่เก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าสหรัฐ เพื่อแก้ปัญหาขาดดุลการค้าของสหรัฐมูลค่า 9.18 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย

ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.50% จากแรงขายกลุ่มบริการสุขภาพ -1.7%, ยานยนต์ & ชิ้นส่วน -0.1% หลังถูกสหรัฐเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% มีผลวันที่ 3 เม.ย.

สัปดาห์นี้วันศุกร์ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ มี.ค. และถ้อยแถลงของประธานเฟดในงานประจำปีของ SABEW เพื่อจับสัญญาณทางเศรษฐกิจสหรัฐและผลกระทบจากมาตรการปรับขึ้นภาษีศุลกากร

หุ้นเด่น แนะนำ MTC (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 55.75 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 4Q67 ที่ 1.54 พันล้านบาท +4%QoQ, +14%YoY หนุนจากการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี โดย NPL ลดลง ได้อานิสงส์บวกจากมาตรการแจกเงิน ทำให้ลูกหนี้มีความสามารถในการชะระเงินได้ดีขึ้น

สำหรับแนวโน้มปี 68 ผู้บริหารคาดการณ์สินเชื่อโต 10-15% มีแผนเปิดสาขาเพิ่ม 600 สาขา จากสิ้นปี 67 ที่ 8,172 สาขา ขณะที่ credit cost มีแนวโน้มลดลงการตั้งสำรองที่ผ่อนคลายลง ส่วน NIM อาจถูกกดดันบ้างแต่ต้นทุนทางการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้อิงจาก consensus ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 68 ที่ 6.7 พันล้านบาท +14%YoY

NSL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 39.83บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 147 ลบ. +44%YoY +9%QoQหนุนด้วย High Season, ม.กระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯหนุนกำลังซื้อผู้บริโภค รวมถึงสินค้าใหม่ๆยังตาม trend เช่น ข้าวโพดอบชีสเบคอน,ช็อกโกแลตดูไบ(Bake a Wish)

ส่วนปี68 คาดว่าจะมีปัจจัยบวกต่อเนื่องจากโรงงานใหม่ที่พึ่งเสร็จสิ้นใน 4Q67(NSL FOODS สาขา5)รวมถึงการออกสินค้าใหม่ๆ ซึ่ง 1Q68 จะมีสินค้าใหม่ เช่น ช็อกโกแลตโมจิทาร์ต, โรตีข้าวโพดชีส เป็นต้น โดย NSL วางเป้ารายได้ปี68 โตราว +16-17%YoY ทั้งนี้ตลาดคาดว่าปี 68 และ69 กำไรสุทธิของ NSL* จะอยู่ที่ระดับ 602 ล้านบาท (+11%YoY) และ 679ล้านบาท (+13%YoY)

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–