หุ้นปิดลบ 2.46 จุด แกว่งแคบ อิเล็กทรอนิกส์กดดัน ต่างชาติซื้อ 1.17 พันลบ.

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นปิดลบ 2.46 จุด แกว่งแคบ อิเล็กทรอนิกส์กดดัน ขณะที่กลุ่มแบงก์-ท่องเที่ยว-พลังงาน หนุน “ทรัมป์”เก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% กดดัน ขณะที่ปัจจัยในประเทศช่วยหนุน นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 1,172.20 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 364.56 ล้านบาท แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้พยายามเลี้ยงตัวไม่ให้หลุด 1,180 ถ้าหลุดมีโอกาสที่จะหยุดการเล่นเก็งกำไร ส่วนแนวต้าน 1,200 จุด

ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 27 มี.ค.67 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,187.90 จุด ลดลง 2.46 จุด หรือ -0.21% มูลค่าซื้อขาย 27,605.35 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,193.96 จุด ต่ำสุด 1,185.20 จุด

นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 1,172.20 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 168.78 บาท ด้านนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 364.56 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 638.86 ล้านบาท

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้แกว่งในแดนบวก-ลบในกรอบแคบ เผชิญแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หลัง”ทรัมป์”ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้ารถยนต์ 25% ในเดือนเม.ย.นี้ ท่ามกลางรอดูท่าทีของ”ทรัมป์”ที่จะประกาศมาตรการภาษีในวันที่ 2 เม.ย.นี้

ขณะที่ตลาดรับแรงหนุนจากปัจจัยในประเทศ ครม.เห็นชอบร่างพ.ร.บ.ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร…Entertainment Complex ซึ่งมีความคืบหน้าทีละขั้นทีละตอน ต่อไปก็รอนำเรื่องเข้าสภาพิจารณาต่อไป และแม้จะเคาะร่างแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นรายละเอียดอะไรออกมาชัด คงจะต้องรอดูกระแสตอบรับกลับมาด้วย เพราะบางส่วนก็ยังไม่เห็นด้วยเรื่องกาสิโน ส่วนมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวยังไม่นำเรื่องเข้าครม. แต่ก็มีรายละเอียดออกมาบ้างที่จะกระตุ้นท่องเที่ยวในช่วง Low Season ทำให้วันนี้มีแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มโรงแรมมาเด่น นำโดยหุ้น ERW เพราะได้ประโยชน์ทั้ง Entertainment Complex และมาตรการะตุ้นการท่องเที่ยว อีกทั้งหุ้นในกลุ่มธนาคาร และกลุ่มพลังงาน ก็ปรับตัวขึ้นหนุนตลาด ส่วนหุ้นทีกดดันตลาด นอกจากกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ยังมีหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล และค้าปลีกด้วย

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (28 มี.ค.) ตลาดพยายามเลี้ยงตัวไม่ให้หลุด 1,180 จุด ถ้าหลุดมีโอกาสที่จะหยุดการเล่นเก็งกำไร ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,200 จุด คืนนี้จับตา GDP ไตรมาส 4/2567 ครั้งสุดท้ายของสหรัฐ ตลาดมองไว้ที่ 2.7% และวันพรุ่งนี้ติดตามเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐ

5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
KBANK ปิดที่ 164.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ +1.23% มูลค่าซื้อขาย 1,508.81 ล้านบาท
KTB ปิดที่ 24.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ +0.41% มูลค่าซื้อขาย 1,214.69 ล้านบาท
BBL ปิดที่ 150.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ +0.67% มูลค่าซื้อขาย 1,175.00 ล้านบาท
CPALL ปิดที่ 50.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 1,084.84 ล้านบาท
DELTA ปิดที่ 72.25 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ -1.70% มูลค่าซื้อขาย 981.17 ล้านบาท