หุ้นเช้านี้บวก 3.94 จุด รีบาวด์ แต่ยังต้องระวังแรงขาย

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นเช้านี้บวก 3.94 จุด รีบาวด์ แต่ยังต้องระวังแรงขาย แต่ละวันขึ้นกับตัวเลขเศรษฐกิจที่มีหลายตัว

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 4 มี.ค. 2567 ณ เวลา 10.01 น.อยู่ที่ระดับ 1,371.36 จุด เพิ่มขึ้น 3.94 จุด หรือ +0.29% มูลค่าซื้อขาย 2,527.20 ล้านบาท

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ประเมินดัชนีฯรีบาวด์ แต่ยังต้องระวังแรงขายหลัง”XD” และแต่ละวันไปขึ้นกับตัวเลขเศรษฐกิจที่มีหลายตัว โดยเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ยังไม่แรง โอกาสในการลดดอกเบี้ยเดือน มี.ค.ยังมีอยู่ แต่สัปดาห์นี้ สหรัฐฯ จะมีรายงานตัวเลขการจ้างงาน (เอกชน+ประเทศ) ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งของ Indicator ที่เฟดใช้พิจารณาในการลดดอกเบี้ยในรอบนี้

นอกจากนี้ รอดูนโยบายของรัฐบาลจีน ที่อาจยกขึ้นมาพิจารณาในสัปดาห์นี้ เรื่องที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ คือ การแก้ปัญหาในภาคอสังหา และภาวะเงินฝืด (Deflation) ซึ่งมองเป็นข่าวในเชิงบวกที่จีน ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในลำดับต้นๆ

อิสราเอล เสนอข้อตกลงหยุดยิง 6 สัปดาห์ ให้กับกลุ่มฮามาส แลกกับการปล่อยตัวประกันเพิ่ม จึงมองว่า ถ้าสามารถตกลงหยุดยิงได้จริง จะเป็นบวกต่อตลาดหุ้น แต่จะบวกมากที่สุดถ้าทั้งสองฝ่ายเลิกทำสงคราม

ติดามรัฐบาล ที่น่าจะเดินหน้า ออกนโยบายเศรษฐกิจ (ลงทุน-ใช้จ่าย) คล้ายๆ กับสัปดาห์ก่อนที่ จะเร่งประชุมงบประมาณรายจ่าย และสนับสนุนให้ไทยเป็น Aviation Hub ที่ทำให้หุ้น AOT ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

งบการเงินไตรมาส 4 ของตลาดหุ้นไทย จำนวน 781 บริษัท โดยบริษัทใน SET ออกมาที่ 1.64 แสนล้านบาท ลดลง 41% QoQ และคาดว่ากำไรงวดนี้ จะจบที่ 1.7 แสนล้านบาท ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดราว 30% (Bloomberg Survey) ทั้งนี้ ผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดมาก มาจากรายการพิเศษมากกว่าไตรมาสอื่นๆ และยังมีผลขาดทุน stock น้ำมัน แม้จะได้ผลบวกจากเงินบาทแข็งค่า โดยรวมๆ กำไรหลาย sector ยังดูอ่อนแอ

Event และตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ สัปดาห์นี้ ประธานเฟด แถลงนโยบายการเงินต่อกรรมาธิการด้านการเงินของสภาฯ (6-7 มี.ค.) การจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ (6 มี.ค.) ประชุมดอกเบี้ยของ ECB(7 มี.ค.) ตัวเลขส่งออกจีน(7 มี.ค.) ตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ของอียู (8 มี.ค.) และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐฯ(8 มี.ค.)

ด้านกลยุทธ์ มองหากตลาดไม่ต่ำกว่า 1,364 จุด ก็น่าจะมองว่ายังมีรีบาวด์ต่อได้ แต่ยังต้องระวังแรงขายสวนเข้ามาด้วย ตลาดแบบนี้เหมาะกับการเก็งกำไรแบบ “ลงซื้อ-ขึ้นขาย” สำหรับจุดที่จะบอกว่าน่าถือต่อ หรือเตรียมซื้อเพิ่ม คือ ถ้าดัชนีฯสามารถยืนเหนือระดับ 1,376 จุด ได้

5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
AOT อยู่ที่ 66.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ +1.15% มูลค่าซื้อขาย 422.72 ล้านบาท
BDMS อยู่ที่ 28.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 362.01 ล้านบาท
PTTEP อยู่ที่ 151.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ +0.67% มูลค่าซื้อขาย 134.56 ล้านบาท
KBANK อยู่ที่ 123.00 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ -0.40% มูลค่าซื้อขาย 98.20 ล้านบาท
KTC อยู่ที่ 44.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ +1.71% มูลค่าซื้อขาย 93.25 ล้านบาท