HoonSmart.com>>เช้านี้หุ้น”ไทยออยล์(TOP)” ร่วงลงแรงเฉียด 5% รับข่าว Samsung และ Saipem ผู้รับเหมาในโครงการ CFP ได้เริ่มกระบวนการอนุญาโตตุลาการกับบริษัทฯ บริษัทได้ยื่นคำคัดค้านข้อโต้แย้ง ขอให้ความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสีย ด้านบล.กรุงศรีคงคำแนะนำ”ซื้อ” ตีมูลค่าเหมาะสม 33 บาท มองบวก หากชนะข้อพิพาทในระยะยาว จะเป็น upside ต่อประมาณการ รวมกับกำไรฟื้นยาวตั้งแต่ไตรมาสแรกถึงปี 69
วันที่ 26 มี.ค. 2568 หุ้นบริษัทไทยออยล์ (TOP) ร่วงลงแรงแตะ 25 บาท ก่อนฟื้นซื้อขายที่ 25.50 บาท ลดลง 1.25 บาทหรือ -4.67% ณ เวลาประมาณ 11.11 น. หลังจาก บริษัท Samsung และ Saipem ซึ่งเป็นบริษัทฯ ผู้รับเหมาในโครงการ CFP ได้เริ่มกระบวนการอนุญาโตตุลาการกับบริษัทฯ ต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศแห่งสิงคโปร์ (Singapore International Arbitration Centre: SIAC)
บริษัทฯ ขอยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญา EPC อย่างเคร่งครัดตลอดมา และยังคงปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขอย่างเคร่งครัดต่อไป โดยยึดถือประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ บริษัทฯเห็นว่าข้อกล่าวหาของผู้ร้องไม่มีมูลแต่อย่างใด
ดังนั้นเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2568 บริษัทฯ ได้ยื่นคำคัดค้านข้อโต้แย้ง รวมถึงได้ยื่นข้อเรียกร้องแย้งต่อผู้ร้องตามกระบวนการอนุญาโตตุลาการด้วย โดยกระบวนการอนุญาโตตุลาการดังกล่าว เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างผู้ร้องกับบริษัทฯ ในเรื่องสัญญา EPC โดยเฉพาะกรณีการใช้สิทธิ์ของบริษัทฯ ในการบังคับหลักประกันของกลุ่มกิจการร่วมค้าเป็นจำนวนเงินประมาณ 358 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ผู้ร้องอ้างว่าการใช้สิทธิ์บังคับหลักประกันดังกล่าวของบริษัทฯ เป็นการใช้สิทธิ์ก่อนถึงกำหนดเวลาและเป็นการดำเนินการที่ไม่สมควร อีกทั้งยังได้เรียกร้องค่าเสียหายกับบริษัทฯสำหรับความเสียหายซึ่งผู้ร้องยังมิได้ระบุรายละเอียดแต่อย่างใด
สำหรับผู้ร้องเป็นสมาชิกของกิจการร่วมค้าระหว่าง PSS Netherlands B.V. และ Unincorporated joint Venture (UJV) ของผู้ร้อง และ Petrofac South East Asia Pte,LTD (กลุ่มกิจการร่วมค้า) ซึ่งบริษัท ได้เข้าทำสัญญาสำหรับการออกแบบวิศวกรรม การจัดหา และการก่อสร้าง เมื่อวันที่19 ตุลาคม 2561 รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติม (สัญญา EPC) สำหรับโครงการพลังงานสะอาด
บริษัทฯขอให้ความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียว่ากระบวนการอนุญาโตตุลาการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินโครงการ CFP พร้อมเตรียมการสำหรับกระบวนการอนุญาโตตุลาการไว้แล้วและจะดำเนินการให้ลุล่วงต่อไป บริษัทฯ ยังคงยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยมุ่งเน้นสร้างผลประโยชน์แก่บริษัทฯและผู้ถือหุ้น รวมถึงปกป้องสิทธิ์ทางกฎหมายของบริษัทฯอีกด้วย
ด้านบล.กรุงศรี คงคำแนะนำซื้อหุ้น TOP ให้มูลค่าเหมาะสมปีนี้ที่ 33 บาท คงมุมมองงบลงทุนส่วนเพิ่มโครงการ CFP ครอบคลุมกรณีการจ้างผู้รับเหมาหลักรายใหม่แล้ว ข้อพิพาทอนุญาโตฯที่เกิดขึ้นและที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคตโอกาสเป็น upside ช่วยลดต้นทุนก่อสร้าง CFP ได้ เป็น
โอกาสทยอยซื้อ รับการฟื้นตัวในไตรมาสแรกปีนี้ถึงปี 2569 เนื่องจาก stock loss ลดลงและเปิดใช้ SBM2 และ 2026F ที่การปิดซ่อมลดลงและ upside การได้เงินชดเชยโครงการ CFP เพิ่มเติมในอนาคต
“เรามอง Neutral ต่อประเด็นข้อพิพาทอนุญาโตฯการยึดเงินหลักประกัน i) การรับรู เงินหลักประกัน 358 ล้านดอลลาร์ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากก่อนหน้า (รับรู้ผ่านงบกำไรฯ 98 ล้านบาท ที่เหลือจะไป capitalized ลดค่าก่อสร้างโครงการ CFP) ii) กระบวนการทางกฏหมายที่เกิดขึ้นรวมถึงที่จะเกิดในอนาคต น่าจะไม่ทำให้ตลาดตกใจมาก เพราะโครงการ CFP ได้รับผลกระทบจากต้นทุนส่วนเพิ่ม และระยะเวลาก่อสร้างที่ล่าช้าออกไปอย่างมีนัยสำคัญ มีแนวโน้มสูงที่ TOP จะต้องปกป้องสิทธิทางกฏหมาย หาก TOP ชนะข้อพิพาทในระยะยาว จะเป็น upside ต่อประมาณการ และ iii) คาด TOP มีแผนรับมือหากต้องมีการเปลี่ยนผู้รับเหมาฯหลัก จากมีการของบลงทุนส่วนเพิ่ม (33% ของมูลค่าโครงการเดิม)” บล.กรุงศรีระบุ
สำหรับขั้นตอนทางกฏหมายยังต้องใช้เวลา และยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด จึงยังไม่รวม upside จากเงินชดเชย และการยึดเงินหลักประกันเพิ่มเติมในอนาคต