“อมตะ” ตั้งเป้า’68 ขายที่ดิน 3,500 ไร่ บล.กรุงศรี คาดรายได้โต 33.95%  

HoonSmart.com>>อมตะ ตั้งเป้ายอดขายที่ดินเพิ่ม 15% ลงทุนกว่า 7 พันล้านบาทรุกปั้นนิคมลาวใหญ่สุดเชื่อมจีนตอนใต้ ด้านบล.กรุงศรีคาดรายได้โต 33.95% จากยอดขายรอโอนสูง ให้เป้าราคา 33.50 บาท บล.เคจีไอ ให้เป้า 31 บาท
 
น.ส.เด่นดาว โกมลเมศ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA)  เปิดเผยว่า ปี 2568 เป็นปีที่มีความท้าท้าย จากปัจจัยต่างๆ ทั้งภายในประเทศที่เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวช้า ปัญหาค่าครองชีพ และหนี้ครัวเรือน และปัจจัยภายนอกประเทศ อย่างภาวะเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าและภาษีของสหรัฐฯ ทำให้เกิดการขยายฐานการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง ไปยังประเทศที่มีศักยภาพ ต้นทุนการผลิตที่ต่ำ และมีความพร้อมทางโครงสร้างพื้นฐาน 

ดังนั้น กลุ่มอมตะ จึงได้เตรียมความพร้อมในการเพิ่มประสิทธิภาพ การให้บริการด้านสาธารณูปโภค และโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยเตรียมงบลงทุนในไทยไว้ไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาท เพื่อขยายพื้นที่และพัฒนาที่ดินรองรับการลงทุนจากภาคอุตสาหกรรม ชลบุรี และระยอง โดยพื้นที่นิคมฯในแต่ละแห่งตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ทางด้านการค้าที่สำคัญ

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกลุ่มอมตะมีสถานการเงินที่แข็งแกร่ง โดยสิ้นปี 2567 มีกระแสเงินสดประมาณ 5,000 ล้านบาท และยังมีเงินที่ยังไม่ได้รับจากยอดรอการขาย และเงินปันผลจากเงินลงทุน และบางส่วนจะกู้แต่คงไม่มาก โดย D/E อยู่ประมาณ 0.53 เท่า โดยมีหนี้รวม 1.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งปี 2569 จะทำให้หนี้เป็นศูนย์

ทั้งนี้ มียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอนอยู่จำนวนมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่า 50% จะรับรู้รายได้ในปีนี้

สำหรับ ในปี 2568 ตั้งเป้าหมายยอดขายที่ดินทั้งในไทยและต่างประเทศ 3,500 ไร่ เติบโตจากปีก่อนมากกว่า 15% จากปี 2567 ขายได้ 3,019 ไร่ โอนแล้ว 1,912 ไร่

โดยเฉพาะในเวียดนามที่ได้รับความสนใจจากนักจากนักลงทุนกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่น จีน เกาหลี และยุโรป อย่างมาก ซึ่งปีนี้ตั้งเป้ายอดขายที่ดินในเวียดนามไว้ 500 ไร่

น.ส.เด่นดาว กล่าวถึงแผนการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยทั้ง  3 แห่ง ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ซึ่งมีพื้นที่รวมราว 2,000 ไร่ ซึ่งขายเกือบหมดเหลือน้อยมาก ,นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ซึ่งมีท่าเรือน้ำลึก ที่กำลังได้รับความนิยมจากจีนสูง และนิคมอุตสาหกรรม ไทย- จีนนั้น ที่อยู่ในนิคมฯระยอง ทางกลุ่มอมตะจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมทางด้านพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามหลักปรัชญา “ALL WIN” ถือเป็นการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

ด้านนายโอซามู ซูโด รักษาการประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) กล่าวว่า กลุ่มอมตะให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ ที่สร้างผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) 

ดังนั้นแผนการการดำเนินงานในปี 2568 จึงได้เตรียมความพร้อมในด้านการพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและนำนวัตกรรมพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้ โดยกลุ่มเป้าหมายสำคัญ  ได้แก่ จีน และญี่ปุ่น  รวมถึงกลุ่มประเทศแถบยุโรป

โดยเฉพาะจีน ยังมีทิศทางของการย้ายฐานการลงทุนต่อเนื่อง เป็นผลมาจากมาตรการการขึ้นภาษีของ สหรัฐฯ ทำให้ผู้ประกอบการจีนมีการวางแผนย้ายฐานการผลิต เพื่อการบริหารความเสี่ยงด้านต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
 
ด้วยระบบ Supply Chain และสาธารณูปโภคที่ทันสมัย รวมถึงความมั่นคงด้านพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสิทธิประโยชน์จากนโยบายการส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ

เช่น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทำให้กลุ่มอมตะได้รับความสนใจจากนักลงทุน

โดยเฉพาะใน 5 อุตสาหกรรมเป้าหมายหลักตามนโยบายของรัฐบาล ได้แก่ 1. อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และชิ้นส่วน

2. อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB)

3.อุตสาหกรรมดิจิทัล Data Center และ Cloud Region

4. อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต และ

5. อุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน

นายวรงค์ ตังประพฤทธิ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมตะซิตี้ ลาว จำกัด กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม อมตะ สมาร์ท แอนด์ อีโค ซิตี้ นาหม้อ  ในสปป.ลาว ปัจจุบันมีทั้งหมด 20,000 ไร่ เป็นที่ดินที่พร้อมพัฒนาแล้ว จำนวน 5,600 ไร่

นิคมฯดังกล่าวถือว่าเป็นเขตเศรษฐกิจแห่งใหม่ของสปป.ลาวที่กลุ่มอมตะได้นำนวัตกรรมที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมาพัฒนาและจะผลักดันให้เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี เพื่อเป็นประตูการค้าสู่ประเทศจีนตอนใต้ โดยอาศัยเส้นทางรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวอยู่ห่างจากชายแดนจีนเพียง 40 กิโลเมตร

ล่าสุด  ทางนิคมอุตสาหกรรม อมตะ สมาร์ท แอนด์ อีโค ซิตี้ นาหม้อ ในสปป.ลาวได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนสูงสุดในภูมิภาค และสิทธิการส่งเสริมการลงทุนของนักลงทุน โดยการได้รับยกเว้นภาษี 30 ปี สำหรับผู้ลงทุนใน 7 ปีแรกที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตร เพื่อสนับสนุนการใช้วัตถุดิบภายในให้มีมูลค่ามากขึ้น,อุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์พลังงานทดแทน,อุตสาหกรรมผลิตยานยนต์และอาหาร,อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า

แนวทางการพัฒนาของกลุ่มอมตะในลาวนำไปสู่การพัฒนาเป็นเมืองที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนในระยะยาว ที่จะช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของ สปป.ลาว และภูมิภาคในอนาคต

2 โบรกฯให้เป้า 31-33.50 บาท

บล.กรุงศรี คาดปี 2568 AMATA จะมีรายได้ 19,724 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.95% จากงวดเดียวกันของปี 2567 และให้ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 33.50 บาท

ด้านบล.เคจีไอ คาดว่า ปี 2568 AMATA จะมีรายได้ 14,170 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 31 บาท

สำหรับ ราคาหุ้น AMATA วันที่ 25 มี.ค.2568 ปิดที่ 21 บาท ลดลง 2.33% มูลค่าการซื้อขาย 220.52 ล้านบาท