TREIT พร้อมลุยต่อ ปี 2562 ลงทุนสินทรัพย์นอกกลุ่ม TICON

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TREIT) เตรียมแผนปี 2562 ลุยลงทุนในทรัพย์สินทั้งในและต่างประเทศ ไม่ได้จำกัดการลงทุนเฉพาะทรัพย์สินในกลุ่ม TICON หวังสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอ

นายพีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน แมนเนจเม้นท์ จำกัด หรือ TMAN ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน หรือ TREIT (ทีรีท) กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2562 (1 ต.ค. 2561 – 30 ก.ย. 2562) ยังคงเป้าหมายบริหารจัดการกองทรัสต์ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 2,000 – 3,000 ล้านบาทต่อปี และก้าวสู่การเป็นกองทรัสต์อุตสาหกรรมแนวหน้าในระดับภูมิภาคอาเซียน จึงได้เตรียมแผนการลงทุนและการดำเนินงานเชิงรุก โดยเดินหน้าลงทุนทรัพย์สินที่มีศักยภาพการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ สร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ โดยไม่ได้จำกัดการลงทุนเฉพาะทรัพย์สินในกลุ่มไทคอนเท่านั้น

“ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมของประเทศไทยในปี 2562 จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความคืบหน้าของนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรม 4.0 ของรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลดีกับความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนและผู้ประกอบการในทุกอุตสาหกรรม รวมถึงทิศทางของเศรษฐกิจในยุคดิจิทัลที่ผลักดันให้กลุ่มธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ และโลจิสติกส์ขยายใหญ่ขึ้น จึงทำให้ความต้องการใช้คลังสินค้า และโรงงานเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย”

ทั้งนี้ TREIT ได้มีการปรับรอบบัญชี (Fiscal Year) ใหม่ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON ที่ประกาศรอบบัญชีปี 2561 มีระยะเวลาดำเนินงานเพียง 9 เดือน โดยเริ่มต้นนับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2561 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2561 และเริ่มรอบบัญชีใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ถึงวันที่ 30 ก.ย. ของปีถัดไป

ผลการดำเนินงานของ TREIT ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,953 ล้านบาท เติบโตขึ้น 1,550 ล้านบาท หรือ 384% มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 1,206 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 955 ล้านบาท หรือ 380% มีการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงานรวมทั้งสิ้น 3,012 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 19.57%

ประกาศจ่ายผลตอบแทนไตรมาสที่ 3 นี้ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในอัตรา 0.1600 บาทต่อหน่วย ซึ่งเมื่อรวมการจ่ายผลตอบแทนของกองทรัสต์ในรอบบัญชีปี 2561 (จากผลการดำเนินงาน 9 เดือน) TREIT อนุมัติจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนรวมทั้งสิ้น 0.4800 บาทต่อหน่วย

สำหรับการเติบโตของ TREIT เป็นผลมาจากการบริหารจัดการกองทรัสต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในปีนี้ได้มีการเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณภาพสูงเพิ่มเติมทั้งจากกลุ่มบริษัทไทคอน และลงทุนในทรัพย์สินนอกกลุ่มบริษัทไทคอนเป็นครั้งแรกซึ่งเป็นทรัพย์ของบริษัท สตาร์ ไมโครนิคส์ พรีซีชั่น (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “สตาร์ ไมโครนิคส์” รวมมูลค่าการเข้าลงทุนปีนี้สูงถึง 1,783 ล้านบาท และมีการขายทรัพย์สินในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองด้วยมูลค่าการขาย 55 ล้านบาท ตลอดจนได้มีการเสนอขาย และออกหุ้นกู้มูลค่า 3,740 ล้านบาท

ปัจจุบัน TREIT เป็นกองทรัสต์อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ 35,000 ล้านบาท มีจำนวนทรัพย์สินที่เป็นอาคารโรงงานและคลังสินค้ารวมทั้งสิ้น 516 ยูนิต โดยเป็นทรัพย์สินที่ถือครองกรรมสิทธิ์ (Freehold) ประมาณ 70% และสิทธิการเช่า (Leasehold) ประมาณ 30% ซึ่งเป็นทรัพย์สินคุณภาพสูงที่กระจายตัวอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์เพื่อการอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศไทย ได้แก่ อยุธยา ปทุมธานี สมุทรปราการ และพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC พร้อมผู้เช่าที่เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกจากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์สมัยใหม่ ธุรกิจโลจิสติกส์ อิเล็กทรอนิกส์ โดยมีอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) เฉลี่ยอยู่ที่ 79.2%

ขณะเดียวกันยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือหรือเครดิตเรทติ้งที่ระดับ A และมีสินทรัพย์สุทธิต่อหน่วยอยู่ที่ 10.5141 ล้านบาท