HoonSmart.com>>”พริมา มารีน”(PRM) ตั้งเป้ารายได้ปี 68 โต 8-10% ปีนี้จะมีเรือใหม่ Kirin Star เข้ามา และเรือเดิมที่เข้าอู่กลับมาทำงาน พร้อมวางงบลงทุน 2-3 พันล้านบาท เน้นลงทุนกลุ่มเรือขนส่งปิโตรเคมีเหลว และ Offshore Support Vessel โดยมีแผนลงทุนเพิ่มในไตรมาส 2-4 ส่วนไตรมาส 1/68 คาดจะดีกว่าไตรมาส 4 และไตรมาส 1 ปีที่แล้ว จากเรือ Offshore กลับมาประจำการแล้ว ในประเทศเรือขนส่งน้ำมันก็ค่อนข้างเต็ม
นายพชร รอดสมบูรณ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท พริมา มารีน (PRM) เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปี 2568 เติบโต 8-10% จากปี 2567 โดยปีนี้จะมีเรือใหม่ ๆ เข้ามา จะมีเรือ FSU และเรือ Crew Boat ที่เข้ามา และเรือเดิมที่เข้าอู่กลับมาทำงานกันหมดแล้ว และยังวางแผนการลงทุนเพิ่มเติมในไตรมาส 2-4
ทั้งนี้ บริษัทมุ่งเน้นขนส่งน้ำมัน และปิโตรเคมีเหลว โดยสนใจมาก ๆ ในการขนส่งปิโตรเคมีเหลว เพราะโรงกลั่นในภูมิภาคเอเชียยังขยายกำลังการผลิต เช่น ปิโตรนาส ที่มีโครงการแรบบิท และ offshore Support Vessel ความต้องการกลุ่มนี้ในอ่าวไทยมีค่อนข้างสูง โดยผู้เล่นรายใหม่ต้องเข้าพื้นที่ไปลงทุน รวมถึงผู้รับสัมปทานรายเดิมที่ต้องถอนตัวออกไป ต้องเก็บงานเก่าไป ทำให้มีดีมานด์สูงอยู่
สำหรับงบลงทุนในปี 2568 มี 2-3 พันล้านบาท นำไปใช้ลงทุนกลุ่มเรือขนส่งปิโตรเคมีเหลว และกลุ่ม Offshore Support Vessel (OSV) เชื่อว่ายังมีการเติบโตในระยะ 3-5 ปีจากนี้
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการปรับพอร์ตการลงทุน FSU ซึ่งจะมีเรืออยู่ 5 ลำ และมีเรือ Fortune Star (FTS) ปัจจุบันอายุ 26 ปีแล้วค่อนข้างเก่ามาก ประกอบกับพบว่าราคาเหล็กโลกลดลงเรื่อย ๆ ถ้าจะยืดอายุใช้งานจะทำให้ราคาขายลดลง จึงตัดสินใจปลดระวาง และซื้อลำใหม่ชื่อ Kirin Star เข้ามาในช่วงปลายปี 2567 ตอนนี้เข้าอู่อยู่ และจะนำมาใช้ในพ.ค.2568 ทำให้ปี 2568 จะยังมีเรือใช้งานได้ 5 ลำเท่าเดิม โดยในปี 2568 จะมีเรือเข้าซ่อมบำรุงน้อยกว่าปีที่ผ่านมา
นายพชร กล่าวว่า ซัพพลายเรือบรรทุกน้ำมันในประเทศส่วนมากค่อนข้างตึงตัว เพราะการต่อเรือใช้เวลาค่อนข้างนานถึง 18 เดือน การเพิ่มเรือทำได้ด้วยการซื้อเรือมือสอง หรือต่อเรือ เพียงแต่การซื้อเรือมือสองในประเทศทำได้ค่อนข้างลำบาก เพราะเรือในประเทศที่มาทางภาคใต้ เป็นเรือที่ท้องแบนนิดหนึ่ง ไม่งั้นคือ จะเข้าแม่น้ำไม่ได้ ส่วนมากต้องต่อเรือใหม่ ส่วนเรือขนส่งระหว่างประเทศ ค่าขนส่งเรือจะสูง เพราะฉะนั้นเจ้าของเรือจะวิ่งเรือก่อน เพราะได้ทำกำไร ก่อนที่จะเอามาขาย ทำให้เรือเปิดขายมีน้อยมาก เรือขนส่งระหว่างประเทศซัพพลายจึงขาดแคลนเช่นกัน ทำให้แนวโน้มราคาเรือยังสูงอยู่
“ค่าขนส่งของ PRM เกือบทุกธุรกิจจะไม่อ้างอิงราคาตลาดโลก บริษัทจะคิดกับลูกค้าเป็นราย ๆ ไป ทำให้แทบจะไม่มีความผันผวนกับอัตราค่าระวางเรือของเรา เพราะกลุ่ม PCT (Petroleum and chemical Tankers) ลูกค้าหลักของบริษัทก็จะอ้างอิงตามราคาน้ำมันเติมเรือ กลุ่มของ COC (Crude Oil Carrier) จะอ้างอิงราคาน้ำมันเฉพาะกับลูกค้าก็คือ”ไทยออยล์” ซึ่งตัวสัญญาจะไม่แปรผันตามราคาค่าขนส่งตลาดโลก กลุ่ม FSU (Floating Storage Unit) จะเป็นการเจรจากับลูกค้าแต่ละราย กลุ่ม Offshore Support Vessel จะเจรจากับลูกค้าเป็นราย ๆ ไป ดังนั้นที่บอกว่าธุรกิจเดินเรือผันผวนสูง ตรงนี้จะไม่เกี่ยวกับ PRM ดังนั้นบริษัทจึงยังรักษาอัตราการจ่ายปันผลได้ นโยบายเหมือนเดิมคือจ่ายไม่น้อยกว่าเดิม”
นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี PRM กล่าวว่า ผลงานไตรมาส 1/2568 คาดว่าจะออกมาดีกว่าไตรมาส 4/2567 และดีกว่าไตรมาสแรกของปี 2567 เนื่องจากไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมามีเรือเข้าอู่ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรือ Offshore ก็กลับมาประจำการแล้ว และในประเทศเรือขนส่งน้ำมันก็ค่อนข้างเต็ม