ORI แตกตัวมากกว่าอสังหาฯฝ่าวิกฤต เร่งลดหนี้-ขายทรัพย์เข้ารีท-ส่งลูก IPO

HoonSmart.com>>”พีระพงศ์ จรูญเอก” แม่ทัพใหญ่ “ออริจิ้นฯ” (ORI) นำทีมผู้บริหาร ฉายภาพธุรกิจอสังหาฯครบวงจร คอนโดฯ-บ้านเติบโตได้ ธุรกิจใหม่ชูคลังสินค้าเป็นเรือธง ปี 70 ขาย IPO ตีมูลค่ากิจการ 7,000 ล้านบาท กลุ่มฯเร่งลดหนี้ เป้า DE เหลือ 1 เท่า กอด Backlog 45,000 ล้านบาท รับรู้รายได้ 4 ปี แผนปี 68  เปิด 11 โครงการ มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท รายได้ 14,000 ล้านบาท นักวิเคราะห์คาดกำไรจากการขายโรงแรม-คลังสินค้าเข้ากอง REIT  

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เป็นมากกว่าบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หลังจากจัดโครงสร้างธุรกิจให้ชัดเจนขึ้นในลักษณะโฮลดิ้ง มีการลงทุนถือหุ้นใน 5 กลุ่มธุรกิจ สร้างความแข็งแกร่ง สู้ได้ทุกวิกฤตการณ์ ปัจจุบันมีงานในมือ (backlog) กว่า 44,562 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้อีก 4 ปีข้างหน้า ขณะที่ทุกธุรกิจมีการเติบโต โดยเฉพาะธุรกิจใหม่  “โลจิสติกส์และคลังสินค้า” ของบริษัทแอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น  ปัจจุบันมีอัตราการเช่าสูงถึง 97.6% คาดว่ามีความพร้อมเสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในปี 2570  คาดว่าจะมีมูลค่ากิจการ 7,000 ล้านบาท

” ORI เปิดดำเนินธุรกิจอสังหาฯมาประมาณ 16 ปี และนำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์มา 10 ปี ตามด้วยบริษัทบริทาเนีย (BRI) ธุรกิจบ้านจัดสรร และบริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น (PRI) ธุรกิจบริการ  ส่วนบริษัทแอลฟาฯ เติบโตเร็วมาก คาดว่าปี 70 จะขาย IPO  ในปีเดียวกันนั้นกลุ่มฯจะมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน ( DE) เหลือ 1 เท่า จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.58 เท่า และปีนี้จะลดเหลือ 1.4 เท่า สร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน”นายพีระพงศ์กล่าว

สำหรับแผนธุรกิจปี 2568 จะเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรภายใต้กลยุทธ์  Resilience Leads To Sustainable Growth สร้างความยืดหยุ่นในการบริหารองค์กร พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลง สู่การเป็นผู้นำและการเติบโตอย่างยั่งยืนบนโอกาสใหม่ เพื่อสร้างความสมดุลในระยะยาวอย่างมีเสถียรภาพทั้งด้านธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม  ผ่านกุญแจ 7 ข้อแห่งความสำเร็จ สร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมเปิด 11 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดฯ 5 โครงการ มูลค่ารวม 12,500 ล้านบาท  และบ้านจากบริทาเนีย  6 โครงการ มูลค่ารวม 7,500 ล้านบาท ธุรกิจโรงแรม เปิดใหม่ 3 แห่ง โดยรวมตั้งเป้ายอดขาย (Presales)  30,000 ล้านบาท รายได้รวม 14,000 ล้านบาทเท่ากับปีหน้า ยอดการโอนกรรมสิทธิ์ ห้องชุดคอนโดและบ้านจัดสรร จำนวน 22,000 ล้านบาท มุ่งสร้างรายได้และกำไรระยะยาว

ตามแผน 3 ปี (2568-2570 ) ธุรกิจโรงแรม จะมีทั้งหมด 12 แห่ง รวม 3,000 ห้อง   ส่วนคลังสินค้าทั้ง 9 แห่งอยู่ในทำเลยุทธ์ศาสตร์สำคัญๆรวมพื้นที่กว่า 400,000 ตารางเมตร ตั้งเป้าขยายเพิ่มเป็น 1 ล้านตารางเมตร ในอีก 5 ปี ข้างหน้า

บริษัทมีการทำการค้าเชิงรุก ทั้งโครงการที่เปิดขายใหม่และอยู่ระหว่างดำเนินการ สำหรับตลาดในประเทศได้ดึง “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ร่วมเป็นแอมบาสเดอร์อีกครั้งหลังจากที่ร่วมงานกันมาเมื่อ 8 ปีก่อน เพื่อสร้าง Brand Awareness และตอกย้ำภาพลักษณ์ที่ชัดเจนขององค์กร โดยจะเห็นการ Collab ร่วมกันผ่านแคมเปญทางการตลาดตลอดปี

ขณะที่ตลาดต่างประเทศนอกจากแต่งตั้ง Master agent เป็นตัวแทนขาย การเดินสายโรดโชว์ไปยังตลาดประเทศใหม่ๆ แล้ว ยังสร้างกลยุทธ์เชิงรุกด้วยการคว้าตัวศิลปิน ดารา เซเลป ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมาเป็นพรีเซนเตอร์ ล่าสุดได้นักแสดงชื่อดังชาวจีน-ฮ่องกง “Irene Wan(เวินปี้เสีย)” เป็นพรีเซ็นเตอร์นำคอนโดมิเนียม แบรนด์ Park Origin Collection บุกตลาดเอเชีย

” ธุรกิจคอนโดฯยังมีความต้องการเสมอ ขอให้เจาะตลาดให้ถูก โดยยังคงเดินหน้าทำการตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง หลังจากเห็นความสำเร็จในการขายมากกว่า 5,700 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 16% ของทั้งหมด มาจากจีนประมาณ 1,550 ล้านบาท สัดส่วน 27%  รัสเซีย 1,100 ล้านบาท คิดเป็น 19% ไต้หวัน 500 ล้านบาทและเมียนมา 7% ”

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)มอง ORI ประกาศแผนธุรกิจปี 2568 แบบระมัดระวังเน้นระบายสินค้าคงคลัง มีแผนขายสินทรัพย์ โรงแรม 2 แห่ง คาดรับรู้กำไร  500  ล้านบาท (Net cash 1,200 ล้านบาท ) และ 2) คลังสินค้า 4 แห่ง คาดกำไร 500 ล้านบาท (Net cash 700 ล้านบาท )คาดจะเห็นความชัดเจนภายในไตรมาสที่ 3 หากสำเร็จจะช่วยหนุนสถานะการเงินให้แข็งแกร่งขึ้น

ส่วนหุ้นกู้ครบกำหนดชำระเดือนเม.ย.นี้ มูลค่า  3,000  ล้านบาท มีเงินสำรองพร้อมจ่ายเต็มจำนวนและรอบถัดไปเดือนก.ย. มูลค่า 2,000 ล้านบาท  บริษัทฯ มั่นใจทำได้ตามแผน บริษัทมีที่ดินรองรับการเปิดโครงการใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูงในระยะ 2-3 ปีจึงจะไม่มีการลงทุนซื้อที่ดินเพิ่ม

ทั้งนี้ BRIประกาศเพิ่มทุนจดทะเบียน เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 853 ล้านหุ้น ในอัตราส่วน 1: 1 ราคาหุ้นละ 3 บาท/หุ้น (XR 2 พ.ค. 68) ซึ่งปัจจุบัน ORI ถือ BRI อยู่ 70% มีความเป็นไปได้สูงที่ทาง ORI จะใช้สิทธิจองซื้อเต็มจำนวน คิดเป็นมูลค่าราว  1,800 ล้านบาท   ทาง BRI มีแผนจะชำระคืนหนี้ให้กับ ORI (ยอดปี 2567 อยู่ที่ 3,300 ล้านบาท) มองว่าเป็นหนึ่งในกระบวนการแปลงหนี้เป็นทุน ช่วยให้สถานะการเงินของ BRI ฟื้นตัวและเพิ่มความคล่องตัวต่อการทำโครงการใหม่ในอนาคต  ส่วนแนวโน้มผลงานปี 2568 คงประมาณการกำไรปกติที่ 840 ล้านบาท ลดลง -14% จากปีก่อน คงคำแนะนำ “เทรดดิ้ง”ด้วยราคาเหมาะสมสิ้นปีนี้ที่ 3.26 บาท

ด้านบล.พายมองยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจหลัก ที่มีการแข่งขันราคาที่สูง  การประกาศเปิดโครงการใหม่เพียง 2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 3%จากปีก่อน  ถือว่าเป็นจำนวนที่ต่ำ แต่มีแรงหนุนจากการขายสินทรัพย์กลุ่มโรงแรม 500 ล้านบาท และคลังสินค้าเข้า REIT 125 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้ในปี 2568-2570 ทำให้กำไรสุทธิเติบโตจากฐานต่ำ

” เรายังมองไม่เห็นแนวโน้มการฟื้นตัวของธุรกิจหลัก และยังมีความเสี่ยงจากหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดรวมในปี 2568 จำนวน 6,000 ล้านบาท การจ่ายเงินปันผลอาจจะเสี่ยงลดลงหรืออาจงดต่อเนื่องจากปัญหาสภาพคล่องที่ยังคงอยู่ มูลค่าพื้นฐานที่ 2.95 บาท คงคำแนะนำ ถือ” บล.พายระบุ