ศาลนัดฟังคำสั่งฟื้นฟูกิจการ “จีสตีล” 24 ธ.ค.นี้

“จี สตีล” เผยศาลล้มละลายกลางนัดฟังคำสั่งฟื้นฟูกิจการ 24 ธ.ค.นี้ พร้อมแจ้งความคืบหน้าปรับปรุงระบบควบคุมภายในหลังเศษเหล็กสูญหาย

บริษัท จี สตีล (GSTEL) แจ้งความคืบหน้าการปรับปรุงระบบควบคุมภายในหลังเกิดกรณีวัตถุดิบเศษเหล็กสูญหายและการจ่ายค่าเศษเหล็กล่วงหน้าว่า การตรวจนับสินค้าคงเหลือโดยการชั่งน้ำหนักสินค้าโดยบริษัทเอง ไม่ใช้บริการของบุคคลภายนอกอยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนธ.ค.2561

นอกจากนี้บริษัทฯ ได้จัดตั้งคณะทำงาน ประกอบด้วยฝ่ายบัญชี ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและบริหารและฝ่ายคลังสินค้า โดยบริษัทได้จัดให้มีพนักงานประจำหน่วยงาน 2 หน่วยงานเพิ่มเติม ได้แก่ 1.พนักงานจุดตรวจรับและนับวัตถุดิบ (Truck Scale) ทำหน้าที่หลักในการตรวจรับและตรวจนับวัตถุดิบที่นำเข้ามาเก็บไว้ในพื้นที่ของบริษัทและ 2.พนักงานคลังสินค้า (Warehouse) มีหน้าหลักในการควบคุมการเบิกจ่ายวัตถุดิบ เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าของบริษัท ซึ่งขณะนี้บริษัทได้ดำเนินการสรรหาบุคคลากรเพิ่มเติมแล้วในเดือนส.ค.2561 และได้จัดให้มีพื้นที่สำหรับให้พนักงานดังกล่าวใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน พร้อมทั้งได้เริ่มดำเนินการปรับปรุงพื้นที่เพื่อใช้ในการติดตั้งสะพานช่างน้ำหนัก รวมถึงได้เริ่มดำเนินการปรับปรุงระบบงานคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการทำงาน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมปฏิบัติงานได้ตามแผนที่กำหนดภายในเดือนธ.ค.2561

ส่วนการจ่ายค่าเศษเหล็กล่วงหน้า เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2560 และ 12 ม.ค.2561 บริษัทได้นำส่งหนังสือบอกกล่าวให้ผู้บริหารของบริษัทผู้รับเงินค่าเศษเหล็กล่วงหน้าให้คืนเงินจำนวน 68 ล้านบาท คิดเป็นน้ำหนักเศษเหล็กโดยประมาณ 6,200 ตัน พร้อมทั้งบริษัทได้บอกกล่าวเลิกสัญญาซื้อขายวัตถุดิบและบริษัทจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป หากบริษัทผู้รับเงินค่าเศษเหล็กล่วงหน้าเพิกเฉย

อย่างไรก็ตาม ตามที่บริษัทได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการและคำร้องอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลล้มละลายกลางและศาลล้มละลายกลางได้กำหนดวันเพื่อฟังคำพิพากษาในเรื่องการอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการในวันที่ 24 ธ.ค.2561 ดังนั้นในระหว่างนี้บริษัทจึงมิอาจใช้สิทธิดำเนินคดีทางแพ่งกับบริษัทดังกล่าวได้

ส่วนการตรวจสอบสินค้าคงเหลือโดยแผนการตรวจสอบพิเศษของฝ่ายตรวจสอบภายในของบริษัทนั้น คณะกรรมการตรวจสอบได้ดำเนินการให้ตรวจสอบพิเศษเกี่ยวกับเรื่องสินค้าคงเหลือ โดยให้ฝ่ายตรวจสอบภายในจัดทำแผนและดำเนินการตรวจสอบพิเศษในเรื่องดังกล่าวทุกสัปดาห์และรายงานให้คณะกรรมการตรวจสอบทราบผลเป็นระยะจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง

ทั้งนี้คณะกรรมการตรวจสอบมีความเห็นว่า บริษัทมีระบบการควบคุมภายในเรื่องดังกล่าวเหมาะสมและมีประสิทธิผล ผู้บริหารจนถึงพนักงานปฏิบัติตามครบถ้วนทุกขั้นตอนและเหมาะสม รวมถึงมีประสิทธิภาพเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง พร้อมกันนี้ คณะฝ่ายตรวจสอบภายในมีข้อเสนอแนะต่อฝ่ายบริหารให้มีการปรับปรุงระบบการทำงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยฝ่ายบริหารได้ดำเนินการแล้วทั้ง 4 ข้อ คือ 1.จัดให้มีเจ้าหน้าที่ของบริษํทร่วมทำงานกับบริษัทผู้ดูแลและบริหารจัดการเศษเหล็ก เพื่อตรวจสอบการทำงานของบริษัทดังกล่าวอย่างใกล้ชิด 2.ปรับปรุงพื้นที่การวางเศษเหล็กเพื่อให้เหมาะสม ตรวจสอบได้สะดวกและมีประสิทธิภาพ และ 3.จัดให้มีเจ้าหน้าที่ของบริษัททำการตรวจสอบเอกสารใบเบิกวัตถุดิบกับรายงานที่ได้รับมาจากบริษัทผู้ดูแลและบริหารจัดการเศษเหล็ก 4.กำหนดให้มีการตรวจนับวัตถุดิบคงเหลือเป็นประจำ