HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยให้แนวรับที่ 1,150 และ 1,140 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,190 และ 1,200 จุด จับตาการประชุมเฟด (18-19 มี.ค.) สงครามการค้า ฟันด์โฟลว์ ด้านธนาคารกสิกรไทยมองกรอบค่าเงินบาท 33.20-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (17-21 มี.ค. 2568) ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,150 และ 1,140 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,190 และ 1,200 จุด ตามลำดับ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมเฟด (18-19 มี.ค.) ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม BOJ และ BOE อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนมี.ค. และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนม.ค.-ก.พ.ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ตลอดจนดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.พ. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น
ในวันศุกร์ที่ 14 มี.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,173.76 จุด ลดลง 2.35% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 40,271.08 ล้านบาท ลดลง 9.69% ส่วนดัชนี mai ลดลง 2.39% มาปิดที่ระดับ 246.17 จุด
หุ้นยังคงเคลื่อนไหวผันผวนต่อเนื่อง โดยในช่วงแรกร่วงลงตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากผลกระทบของนโยบายประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจจีนหลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ. ออกมาต่ำกว่าคาด ก่อนจะดีดตัวขึ้นช่วงสั้น ๆ ในเวลาต่อมาตามแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ หลังมีรายงานข่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบการจัดตั้งกองทุน Thai ESGX เพื่อประคองตลาดหุ้นไทย ส่งผลให้มีแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคปกระจายในหลายอุตสาหกรรม
หุ้นร่วงลงอีกครั้งตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์และแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปีครั้งใหม่ ที่ 1,157.96 จุด หลังตอบรับปัจจัยบวกจากข่าวกองทุน Thai ESGX ไปพอสมควร โดยนักลงทุนกลับมากังวลประเด็นสงครามการค้าอีกครั้ง หลังมีรายงานข่าวเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดา-อียู เพิ่มเติมเข้ามาในระหว่างสัปดาห์ ส่งผลให้เกิดแรงเทขายหุ้นในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีที่มีปัจจัยลบเพิ่มเติม (จากรายงานข่าวที่ว่ากสทช. อยู่ระหว่างทบทวนแนวทางการประมูลคลื่นความถี่) อย่างไรก็ดีดัชนีหุ้นฟื้นกลับมาได้บางส่วนช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยมีแรงซื้อคืนหลังร่วงลงแรงก่อนหน้านี้
ส่วนค่าเงินบาทสัปดาห์ระหว่างวันที่ 17-21 มี.ค. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 33.20-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ในวันศุกร์ที่ 14 มี.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 33.62 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 33.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (7 มี.ค.)
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 10-14 มี.ค. 2568 นั้นขายสุทธิหุ้น 8,406 ล้านบาท แต่มีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 9,345 ล้านบาท (แบ่งเป็นซื้อสุทธิพันธบัตร 9,770 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 426 ล้านบาท)
เงินบาทอ่อนค่าช่วงแรก แต่ฟื้นตัวกลับตามราคาทองคำตลาดโลกที่กลับมายืนเหนือแนว 2,900 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์อีกครั้ง
เงินบาทอ่อนค่าลงตามทิศทางของเงินหยวนและสกุลเงินเอเชียอื่น ๆ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงประคองบางส่วนจากสัญญาณจากประธานเฟด ซึ่งสะท้อนว่า เฟดจะยังไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย นอกจากนี้ การปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลกยังเพิ่มแรงกดดันต่อเงินบาทด้วยเช่นกันและสัญญาณซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ