HoonSmart.com>>บล.หยวนต้า (YUANTA) ประเมินกองทุน Thai ESGX แก้ไขปัญหาตรงจุด ชะลอแรงขาย LTF และเพิ่มเงินลงทุนใหม่ให้ตลาดทุนไทยในคราวเดียวกัน หวังจำกัด Downside ให้กับ SET INDEX ที่มักเกิดปรากฏการณ์ Sell in May เล็งหุ้นที่จะได้รับความสนใจจากกองทุน Thai ESGX คือหุ้น AMATA, BEM, BCPG, CPALL, GPSC, GULF, KBANK, KTB, PTTGC, SCC, และ SJWD
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) หรือ YUANTA ระบุในบทวิเคราะห์กองทุน Thai ESGX ที่ตั้งขึ้นใหม่เน้นลงทุนในหุ้น ESG ในตลาดหุ้นไทย โดยต้องถือหุ้นที่มีความโดดเด่นด้าน ESG และเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ยกระดับด้าน G ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV ส่วนที่เหลือจะเป็นตราสารหนี้หรือ Investment Token ด้าน ESG ก็ได้ รวมกันแล้วจะต้องมีสินทรัพย์ลงทุนอิง ESG ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV
การมีสัดส่วนหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV ถือเป็นเกณฑ์ที่ใกล้เคียงกับ LTF เดิม แต่จะต่างจาก Thai ESG ธรรมดา ที่มีกองตราสารหนี้ให้ลดหย่อนภาษีได้ด้วย จึงประเมินว่า Thai ESGX เป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด คือ ชะลอแรงขาย LTF และเพิ่มเงินลงทุนใหม่ให้ตลาดทุนไทยในคราวเดียวกัน
ทั้งนี้ คาดหวัง Thai ESGX จะได้ผลดีเหมือน SSFX การออกกองทุนพิเศษมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อเติมเงินลงทุนใหม่ในตลาดทุนผลักดันให้ SET INDEX ปรับตัวขึ้นจนสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้ ซึ่งกระทรวงการคลังเคยใช้ได้ผลดีในช่วง COVID-19 ระบาด โดยการออกกองทุน SSFX เปิดขายระหว่าง เม.ย.-มิ.ย. 2563 สามารถระดมเงินลงทุนได้ราว 9,000 ล้านบาท SET INDEX ฟื้นแรง 20.5% ในช่วงดังกล่าว ตามตลาดหุ้นทั่วโลกพอดี (จาก 1,138 จุด มาอยู่ที่ 1,373 จุด จากความคาดหวังต่อพัฒนาการของวัคซีน COVID)แต่ SSFX ก็มีส่วนช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในประเทศ ในแง่ของแรงซื้อใหม่ที่เข้ามาช่วยจำกัด Downside ในช่วงที่ SET INDEX ผันผวน
จึงคาดหวังว่า Thai ESGX ที่มีความคล้าย LTF Version 2 และเป็นช่องทางเดียวที่กลุ่มมนุษย์เงินเดือนที่เสียภาษีสูง จะได้ประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาล จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่น และจำกัด Downside ให้กับ SET INDEX ช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย.ที่มักเกิดปรากฏการณ์ Sell in May
หุ้นที่คาดว่าจะได้รับความสนใจจากกองทุนดังกล่าว เน้นไปยังกลุ่ม SET ESG Rating ระดับ AA ขึ้นไป, มีการเปิดเผยข้อมูลก๊าซเรือนกระจก, ไม่มีความเสี่ยงด้านบรรษัทภิบาล, ผลประกอบการปีนี้ยังเติบโต, มีปันผล, และ Valuation ไม่แพง คือ AMATA, BEM, BCPG, CPALL, GPSC, GULF, KBANK, KTB, PTTGC, SCC, และ SJWD
วานนี้ที่ประชุม ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อสนับสนุนการลงทุนในหุ้นยั่งยืน (ESG) และเพิ่มเสถียรภาพให้กับตลาดทุนไทย โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีส าหรับ 1) ผู้ที่สับเปลี่ยนกองทุนจาก LTF เป็น Thai ESGX (กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ) และ2) ให้สิทธิประโยชน์เพิ่มจากThai ESG เดิม สำหรับผู้ลงทุน Thai ESGX ใหม่ ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบต้องดำเนินการในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. นี้
ภายใต้เงื่อนไข 1) กองทุน LTF ที่แปลงเป็น Thai ESGX จะได้ลดหย่อนภาษีสูงสุด 300,000 บาทในปีแรก และลดหย่อนส่วนที่เหลือได้อีก 4 ปี ปีละเท่าๆกันไม่เกิน 50,000 บาทต่อปี 2) ได้ลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมสูงสุดอีกไม่เกิน30% ของเงินได้พึงประเมินสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท หากลงทุนผ่าน Thai ESGX ที่ตั้งใหม่ในช่วงเวลาที่กำหนดโดยต้องถือ 5 ปี นับแบบวันชนวัน 3) กองทุน Thai ESG เดิม ยังได้ตามวงเงิน 30% ของเงินได้พึงประเมินสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท ถือ 5 ปี นับแบบวันชนวันตามเดิม ซึ่งถ้าอิงตามนี้ ผู้ที่สับเปลี่ยน LTF ไป Thai ESGX และซื้อกอง Thai ESGX ใหม่ บวกซื้อกอง Thai ESG เดิม จะได้สิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 900,000 บาทในปีแรก ส่วนปีถัด ๆ ไป จะลดหย่อนได้ตามวงเงิน Thai ESG เดิม คือ รวมกับส่วนแปลง LTF แล้ว สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท