HoonSmart.com>>หุ้นไทยดิ่งหนักสุดในเอเชีย ดัชนีSET ปิดต่ำสุด 1,177.44 จุด ทรุดลง -2.05% ฮ่องกง ทรุด -1.85% นักลงทุนพร้อมใจกันเทขายหุ้นขนาดใหญ่ นำโดยอิเล็กทรอนิกส์ DELTA รวมถึงหุ้นปิโตรเคมี SCC จากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯเสี่ยงถดถอย และเงินฝืนกดดันเศรษฐกิจจีน หลังเงินเฟ้อ ก.พ. ติดลบครั้งแรกในรอบ 13 เดือน ไม่สนรัฐบาลไทยอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดทุน

ตลาดหุ้นวันที่ 10 มี.ค. 2568 ตลาดหุ้นเอเชียมีทั้งบวกและลบคละกัน ส่วนหุ้นไทยดิ่งหนักสุดปิดที่ระดับต่ำสุดของวันที่ 1,177.44 จุด ทรุดลง-24.59 จุดหรือ-2.05%
สาเหตุที่ตลาดหุ้นไทยร่วงลงหนัก เนื่องจากมีแรงขายกลุ่มหุ้นที่มีน้ำหนักต่อดัชนีสูง อาทิ อิเล็กทรอนิกส์ นำโดย DELTA ปิดที่ 76.50 บาท -4.75 บาท หรือ-5.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย1,628.32 ล้านบาท รวมถึงหุ้นที่พึ่งพารายได้จากกำลังซื้อในจีน อาทิ SCC ปิดที่ 145.50
บาท ลดลง 6.50 บาท หรือ -4.28% และหุ้นPTT เนื่องจากเศรษฐกิจจีนเจอเงินฝืด ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงถดถอย แต่ทรัมป์ไม่กล้ายอมรับ
ด้านน.ส.ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นทรุดตัวลงจาก Sentiment นอกประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ติดลบ เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์เช้านี้ติดลบกว่า 100 จุด หลังตัวเลขเงินเฟ้อของจีนออกมาติดลบมากกว่าคาด เกิดความกังวลจีนจะเผชิญภาวะเงินฝืด และราคาน้ำมันก็ปรับตัวลงด้วย รวมถึงยังมีความกังวลสงครามการค้าที่ยังไม่จบหวั่นกระทบการขยายตัวเศรษฐกิจปีนี้
ทั้งนี้ ตลาดได้รับแรงกดดันจากหุ้น DELTA ปรับตัวลงแรงกระทบดัชนีฯเกือบ 5 จุด และยังเผชิญแรงขายหุ้นขนาดใหญ่หลายตัว ท่ามกลางรอดูมาตรการ TiSA ที่จะต้องรอดูความชัดเจนอีกที และยังมีความคืบหน้า Digital Wallet เฟส 4 ที่คาดจะออกมาในปลายไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3 ปีนี้ แต่ตลาดไม่ตอบรับมาก อาจต้องการรอดูมาตรการกระตุ้นที่จะดึงนักลงทุนกลับมามากกว่า
สัปดาห์นี้ให้ติดตาม”ทรัมป์”จะพูดคุยกับกลุ่ม Tech คืนนี้, ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐ, การประชุม 2 สภาของจีนที่จะจบในวันพรุ่งนี้ (11 มี.ค.) ส่วนไทยก็ให้ติดตามมาตรการทั้งหลายที่จะออกมา
บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองความเสี่ยงด้านเงินฝืดยังกดดันเศรษฐกิจจีน เงินเฟ้อจีน ก.พ. 2568 ติดลบครั้งแรกในรอบ 13 เดือน แม้ผลจากฐานที่สูงในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีก่อนจะกดดันให้เงินเฟ้อจีนเดือน ก.พ.2568 ติดลบ แต่เมื่อหักผลของเทศกาลตรุษจีนเงินเฟ้อจีนเดือน ก.พ.2568 ยังคงอยู่ในระดับต่ำ
ส่วนองค์ประกอบของเงินเฟ้อชะลอลงจากเดือนก่อนในทุกด้าน สะท้อนว่าผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าความเสี่ยงด้านเงินฝืดจะยังคงกดดันเศรษฐกิจจีนในปี 2568 แม้ในการประชุมสองสภาล่าสุดทางการจีนระบุว่าจะเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ
บล.กรุงศรีคาด SET “Sideways/Up” ต้าน 1212/1227จุด รับ 1195/1187 จุด ทิศทางตลาดเป็นบวก จาก 3 ปัจจัย
1) สหรัฐฯยอดจ้างงานนอกภาคเกษตรอยู่ที่ 1.51 แสนตำแหน่ง และต่ำคาดเล็กน้อย ขณะที่อัตราว่างงานขยับขึ้น 4.1% vs prev. 4.0% ลดความกังวลตลาดต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ หนุนจิตวิทยาลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงโลก แต่แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯไปในทาง Soft Landing เราประเมินมีโอกาสเริ่มทำให้เม็ดเงินลงทุนเริ่มหาโอกาสลงทุนในตลาดที่ยัง Laggard และมีปัจจัยเร่ง ภายใน
2) วันนี้ติดตามการประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดพิจารณามาตรการ อาทิ Digital Wallet Ph III, อสังหา และยานยนต์
3) เม็ดเงินใหม่ภายใน ทั้งจากตลท. เตรียมเปิดโครงการออมเพื่อซื้อหุ้นไทยเน้นลงทุนระยะยาว (TISA) ผ่านการยกเว้นสิทธิ์ภาษีต่างๆ อิงต่างประเทศมักยกเว้นในส่วนภาษีกำไรและเงินปันผล และจะยิ่งสร้างความมั่นคงต่อ SET หากเงื่อนไขรับสิทธิ์ไม่ซับซ้อน และมีกลไกส่งเสริมเม็ดเงินอยู่ในตลาดในระยะยาวนอกจากนี้รัฐฯ เตรียมออกมาตรการนาทีทอง ThaiESG เพิ่มวงเงินลดหย่อนพิเศษอีก 3 แสนบาท รวมฐานปกติจะสูง 6 แสนบาท
ประเมินหุ้นเด่น Domestic ที่มีปัจจัยเร่งในส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วันนี้แนะนำ CPALL, AP, WHA
บล.เอเซียพลัสมอง SET ย่อตัวลงมาลึกเกินไปที่ 1,200 จุด มีคาดการณ์ PBV ปี2568 1.15 เท่า (-2SD) ต่ำสุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก (MSCI WORLD 2.97 เท่า) และ SET มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลปีนี้สูง 4.3% (+1SD) สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก (MSCI WORLD 2.0%)
ถ้ารัฐบาลและตลาดหลักทรัพย์ เร่งออกมาตการต่างๆ เรียกความเชื่อมั่น พร้อมกับเพิ่มสภาพคล่อง น่าจะเป็นจังหวะที่เหมาะสมที่สุด แนะนำทยอยสะสม 8 หุ้นปันผลเด่น เสริมพอร์ตในเชิงรับ หุ้นปันผลถูกแสนถูก AP, SPALI, SCC, PTTEP เสริมพอร์ตไนเชิงรุก หุ้น MEGA TREND ปันผลสูงขึ้นเรื่อยๆ BH, ITC, WHA, CPALL

