‘กลุ่มเจมาร์ท’ ขาดทุน 3.7พันลบ. ดีเกินคาดดันมาร์เก็ตแคป 4.7 พันลบ. ลั่นปี 67 นิวไฮ

HoonSmart.com>> 5 บริษัทกลุ่มเจมาร์ท เปิดผลงานปี 66 ขาดทุนรวม 3,728 ล้านบาท ทรุดลง  160% ร่วงเกือบยกแผง โดยเฉพาะ SINGER-SGC  ได้ JMT กู้หน้าโต 15% กำไร 2,011 ล้านบาท “สุกี้ตี๋น้อย”มีกำไร 900 ล้านบาท ช่วย JMART พลิกมีกำไร166 ล้านบาทไตรมาส 4 ปลุกหุ้นทั้งกลุ่มวิ่ง เพิ่มมาร์เก็ตแคปวันเดียว 4,742 ล้านบาท “อดิศักดิ์”ลั่นปี 67 เดินหน้าทำ New High รอบใหม่  ด้านกระแสเงินสดในมือแน่นปึ้ก พร้อมจ่ายคืนหุ้นกู้บริษัททั้งกลุ่ม  

หุ้นในครอบครัว เจมาร์ท 5 บริษัท ประกาศผลงานปี 2566  ประสบผลขาดทุนรวม 3,728 ล้านบาท พลิกจากปีก่อน มีกำไรรวม 6,165  ล้านบาท แย่ลงถึง -160.47%  เพราะได้รับผลกระทบจาก SINGER ที่มียอดขาดทุนกว่า 3,210 ล้านบาท  และ SGC ขาดทุน 2,275 ล้านบาท ขณะที่ JMT  มีกำไรสุทธิ 2,011 ล้านบาท   และเงินลงทุนในสุกี้ตี๋น้อยก็มีกำไรพุ่งเท่าตัวเป็น 900 ล้านบาท ส่งผลให้ JMART  ขาดทุนเพียง 447 ล้านบาท ทำให้บรรยากาศการลงทุนในหุ้นกลุ่มเจมาร์ทปรับตัวขึ้นยกแผง เพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป)เพิ่มขึ้น 4,742 ล้านบาทนำโดย JTM  บวกมากที่สุด 3,211 ล้านบาท

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART) เปิดเผยว่าไตรมาส 4/2566 บริษัทพลิกทำกำไรต่อเนื่องอยู่ที่ 166 ล้านบาท  หากไม่รวมรายการ Unrealized Loss จากราคาหุ้น จะมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 276 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 13,743 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 447 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการ Unrealized Loss จากการ Mark to Market ของราคาหุ้น บริษัทจะมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 396 ล้านบาท สะท้อนทิศทางการฟื้นตัวหลังจากได้รับผลกระทบปัญหาการตั้งสำรองหนี้ด้อยคุณภาพของบริษัทในกลุ่ม SINGER ซึ่งในปี 2566 ที่ผ่านมา ได้ให้ความสำคัญในการปรับกลยุทธ์และแก้ปัญหาดังกล่าว  ปัจจุบันได้ปรับตัวดีขึ้นแล้ว ทำให้ JMART มั่นใจเป้าหมายปี 2567 พร้อมเดินหน้าต่อตั้งเป้าหมายผลงาน New High ด้วยการผสานพลังบริษัทในกลุ่ม และส่งผลกำไรเชิงบวกกลับมาให้ที่ JMART โดยโครงสร้างของกลุ่มเน้นเรื่องคอมเมิร์ซ ไฟแนนซ์ และเทคโนโลยี

ในปีนี้ JMART ชู 3 กลยุทธ์หลัก ที่เป็น Key Message คือ (1) ตั้งเป้าหมายกำไรทำ New High จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทที่เป็นพระเอกในกลุ่มอย่าง JMT คาดทำนิวไฮทั้งในด้านการจัดเก็บกระแสเงินสดและกำไร (2) การเข้าไปลงทุนที่คุ้มค่าจากสุกี้ตี๋น้อย (TEENOI) ในสัดส่วน 30% สามารถสร้างผลกำไรกลับมาให้บริษัทอย่างน่าประทับใจ

ในปี 2566 ที่ผ่านมา สุกี้ตี๋น้อยมีกำไรสุทธิ 913 ล้านบาท ซึ่ง ณ สิ้นปี 66 มีสาขาจำนวนกว่า 55 สาขา โดยในปีที่ผ่านมาบุกต่างจังหวัดมากขึ้น ไปที่โคราช พัทยา และสมุทรปราการเรียบร้อยแล้ว และ (3) SINGER และ SGC ผลงานฟื้นตัวจากสถานการณ์ในปี 2566 ชัดเจน พร้อมสร้าง New S-Curve ใหม่ ด้วย the New Jaymart ที่เน้นด้าน Commerce Tech และ Fintech ควบคู่การบริหารจัดการภายในที่ดี ซึ่งมองว่าจะเป็นการสร้างฐานกำไรที่แข็งแรงในอนาคต

อย่างไรก็ดี ด้วยความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุนในการจ่ายชำระคืนหุ้นกู้ของบริษัทและบริษัทย่อยได้ตามกำหนดภายในปีนี้ ด้วยกระแสเงินสดที่มีในปัจจุบัน