บล.กสิกรฯ ลุ้นขึ้นชนแนวต้าน 1230 หรือร่วงต่ำสุด 1170 สัปดาห์หน้า

HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยให้แนวรับ 1,180 และ 1,170 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,220 และ 1,230 จุด จากสัปดาห์ที่ผ่านมาร่วงแตะ 1,173.13 ต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปีครั้งใหม่ก่อนฟื้นปิดเหนือ 1,200 จุด สัปดาห์นี้จับตาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-ประเทศคู่ค้า ฟันด์โฟลว์  ส่วนค่าเงินบาท ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบเคลื่อนไหว 33.25-34.00 บาท/ดอลลาร์ 

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (10-14 มี.ค.2568) ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,180 และ 1,170 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,220 และ 1,230 จุด ตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.พ. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.พ. ของญี่ปุ่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. ของยูโรโซนและอังกฤษ ตลอดจนยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนก.พ. ของจีน

สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นร่วงลงแรงในช่วงต้นสัปดาห์ โดยหลุดแนว 1,200 จุดไปแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี (4 ปี 11 เดือน) ที่ 1,173.13 จุด ท่ามกลางแรงขายทำกำไรหุ้นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นบิ๊กแคปกลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงความกังวลต่อผลกระทบของสงครามการค้าหลังสหรัฐฯ เดินหน้าเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% พร้อมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ซึ่งมีผลในวันที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งจีนก็ได้ประกาศตอบโต้สหรัฐฯ ในเวลาต่อมา

ดัชนีหุ้นดีดตัวขึ้นช่วงกลางสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค เนื่องจากตลาดคลายความกังวลบางส่วนต่อสงครามการค้าหลังมีรายงานว่าสหรัฐฯ มีท่าทีประนีประนอมในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการค้ากับแคนาดาและเม็กซิโก (ซึ่งต่อมามีการเลื่อนเก็บภาษีบางรายการออกไป 1 เดือน) ประกอบกับมีปัจจัยบวกจากรายงานข่าวเกี่ยวกับการเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน

อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นร่วงลงในเวลาต่อมาก่อนจะดีดตัวขึ้นอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์สวนทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยมีปัจจัยหนุนจากรายงานข่าวที่ว่ากระทรวงการคลังเตรียมออกมาตรการฟื้นความเชื่อมั่นตลาดทุน ส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลับมายืนเหนือ 1,200 จุดได้ก่อนช่วงปิดตลาดปลายสัปดาห์

ในวันศุกร์ที่ 7 มี.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,202.03 จุด ลดลง 0.14% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 44,592.24 ล้านบาท ลดลง 21.97% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.47% มาปิดที่ระดับ 252.19 จุด

ส่วนค่าเงินบาทสัปดาห์ระหว่างวันที่ 10-14 มี.ค. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 33.25-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ

สัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 1 เดือนที่ 34.32 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงต้นสัปดาห์ (หลังสหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีน) ก่อนจะพลิกแข็งค่าหลุดแนว 34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ เนื่องจากตลาดกลับมากังวลเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจที่สหรัฐฯ อาจต้องเผชิญหากสงครามการค้ากับประเทศคู่ค้ายังคงดำเนินต่อไป นอกจากนี้ เงินบาทยังมีแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกและทิศทางฟันด์โฟลว์ต่างชาติซึ่งอยู่ในฝั่งไหลเข้าสุทธิในช่วงกลางสัปดาห์ด้วยเช่นกัน

เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแข็งค่าในช่วงท้าย ๆ สัปดาห์สอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียในภาพรวม และเงินหยวนที่ได้รับแรงหนุนจากสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากทางการจีน ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ขยับอ่อนค่ารับข่าวที่สหรัฐฯ ลดความแข็งกร้าวในท่าทีที่มีต่อเม็กซิโกและแคนาดา อย่างไรก็ดี กรอบการแข็งค่าของเงินบาทชะลอลงบางส่วนเนื่องจากตลาดยังคงรอติดตามการรายงานตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์

ในวันศุกร์ที่ 7 มี.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 33.64 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 34.17 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (28 ก.พ.)

สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 3-7 มี.ค. 2568 นั้นขายสุทธิหุ้นไทย 4,364.1 ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิพันธบัตรไทยถึง 7,593 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการซื้อสุทธิพันธบัตรที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี