HoonSmart.com >> บล.CGSI คาดการณ์ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ (3-7 มี.ค.) ซึม ไร้ปัจจัยบวกหนุน SET Index เคลื่อนไหวในกรอบ Sideway-Sideway down 1170-1235 จุด

บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI สรุปภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ และทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ (3 มี.ค.) โดย : Trend Spotter
• ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกในวันศุกร์ ทั้งดัชนี Dow Jones (+1.39%), Nasdaq (1.62%) และ S&P500 (+1.59%) โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นแม้ว่าการประชุมระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐ Donald Trump และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประสบความตึงเครียดก็ตาม
ทั้งนี้ จากการปะทะคารมกันอย่างดุเดือดในการสนธนาที่ทำเนียบขาว ทำให้เกิดความไม่แน่อนเกี่ยวกับสถานการณ์สงคราม Russia Ukraine ซึ่งเพิ่มความกังวลต่อสภาวะเงินเฟ้อสหรัฐในระดับสูง ส่งผลให้ดัชนี US dollar index ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยปิดบวกที่ 107.56 จุด (+0.25%)
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจ ดัชนีรายจ่ายเพื่อการบริโภคสหรัฐ (PCE) เดือน ม.ค. คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ทรงตัวตามตลาดคาดที่ 2.5% yoy, 0.3% mom (vs. เดือนก่อน 2.6% yoy, 0.3% mom) และดัชนี Core PCE ไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 2.6% yoy, 0.3% mom น้อยกว่าที่ตลาดคาด (vs. เดือนก่อนที่ 2.8% yoy)
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 70.157 US$/bbl (-0.21%) ในคืนวันศุกร์ โดยเป็นการปรับตัวลงสู่ระดับใกล้เคียงกับช่วงปลายปี 2024 โดยตลาดคาดว่าการปะทะคารมอย่างดุเดือดในทำเนียบขาว พร้อมกับการขู่ถอนการสนับสนุนจาก Ukraine ระหว่างการโต้เถียงนั้น แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนที่เป็นมิตรกับ Russia และมีโอกาสที่จะเกิด Oversupply เพิ่มขึ้น
• SET Index :
เราคาดว่า SET Index สัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหว Sideway-Sideway down ในกรอบซึม 1170-1235 จุด
ติดตาม
1) ตัวเลขเงินเฟ้อไทย เดือน ก.พ. ตลาดคาดอยู่ที่ 1.13% (vs. เดือนก่อน 1.32%)
2) การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 146k แสนล้านตำแหน่ง วันพุธ และอัตราการว่างงาน เดือน ก.พ. วันศุกร์ ตลาดคาด 4.0%
3) การประชุม “สองสภา” ของจีน ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 4 มี.ค. โดยตลาดคาดว่าอาจส่งสัญญาณยอมรับแนวโน้มอุปสงค์ที่อ่อนแอในประเทศ และจะเปิดเผยมาตรการกระตุ้นทางการคลัง
4) กระทรวงการคลังเตรียมเสนอที่ประชุม ครม. อนุมัติการเปลี่ยนชื่อและวัตถุประสงค์ของกองทุน LTF เป็น Thai ESG X (TESGX) เพื่อรองรับผู้ถือหน่วย LTF ที่ไม่ได้ขาย อย่างไรก็ดี เราไม่คิดว่ามาตรการนี้จะลดการถอน LTF ได้มากนัก เนื่องจากผู้ที่ลงทุนมากกว่า 500k บาทยังคงสามารถคงเงินและไถ่ถอนส่วนที่เหลือได้
ทั้งนี้เราเชื่อว่าตลาดกำลังรับรู้เศรษฐกิจไทยที่เติบโตช้า และ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกไปพอสมควร
เราเชื่อว่า demand zone ของ SET บริเวณ 1120-1200 เป็นแนวรับที่มีนัยยะสำคัญ (อ้างอิงจากดัชนี SET index ในช่วง 2013-2025 YTD) และมี valuation ที่ไม่แพงบริเวณ -2 S.D. หรือ Forward PE สำหรับปี 2025F/2026F ที่ราว 12x/ 11x
• หุ้นแนะนำ
BDMS : ท่ามกลางปัจจัยต่างประเทศที่ไม่แน่นอน และเศรษฐกิจไทยที่เติบโตช้า เราแนะนำกลุ่ม Defensive โดยเราเชื่อว่าสถิตินักท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งทำให้รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติเติบโตเร็วขึ้น และาติจะชดเชยรายได้ที่เติบโตอ่อนตัวขากผู้ป่วยชาวไทย ในปี FY25F
(Take profit: 25.5 / Stop loss: 23.7)
AP : บริษัทตั้งเป้า presales อยู่ที่ 5.5 หมื่นล้านบาท (+17.6% yoy) และตั้งเป้ารายได้รวมและยอดโอน JV อยู่ที่ 5.29 หมื่นล้านบาท (+12.3% yoy) ในปี FY25F เราเชื่อว่า EPS ในปี FY25F จะเติบโต 9.5% และมี Dividend yield สูงที่ 6.9-7.4% ใน FY24-26F
(Take profit: 9.35 / Stop loss: 8.55)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
