‘ไทยพาณิชย์’เบอร์ 1 ธุรกิจเวลท์ปี’69 ตลาดใหญ่ 1 ล้านล้านดอลล์ คนไทยยังรวยได้อีก

HoonSmart.com>>ธนาคารไทยพาณิชย์รุกตลาดบริหารความมั่งคั่งเต็มรูปแบบ ตั้งเป้าผงาดขึ้นเบอร์1 ธุรกิจเวลธ์ในไทย มองตลาดใหญ่ถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ นำเสนอโซลูชันโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพิ่มพันธมิตรที่ใช่ ขยายโอกาสเพิ่มความมั่งคั่งระดับโลก ความมั่งคั่งอยู่กับคนไทยทุกคน ชูแนวคิด “ความสำเร็จของคุณ คือความสำเร็จของเรา” ไม่เก็บค่าฟีหากผลงานไม่เข้าเป้า มองไทยปีนี้ไม่แย่กว่าปีก่อน ธุรกิจหลักอาหาร-ท่องเที่ยว-โลจิสติกส์ยังเติบโต  ด้านหุ้นดิ่งต่อ -2.38% จ่อหลุด 1,200 จุด 

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจบริหารความมั่งคั่งทั่วโลก และประเทศไทยเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 6% คาดว่าในปี 2571 ไทยจะมีทรัพย์สินทางการเงินมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ไทยพาณิชย์มองเห็นถึงโอกาสจากการเติบโตของตลาดและจากการเป็นสถาบันทางการเงินอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ทำให้สามารถต่อยอดในการทำธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) ของคนไทยทุกคน และสามารถช่วยวางแผนการเงินให้กับลูกค้าได้เต็มรูปแบบและครบวงจร ที่สำคัญธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง นับเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักที่สร้างการเติบโตให้กับธนาคาร

ทั้งนี้ไทยพาณิชย์ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และโซลูชันด้านการเงินการลงทุน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกระดับในทุกมิติ และการเพิ่มพันธมิตรที่ใช่ เพื่อไปด้วยกัน ไปได้ไกล ขยายโอกาสเพิ่มความมั่งคั่งระดับโลกให้กับลูกค้า ล่าสุดเพิ่งจับมือ BlackRock ผู้นำทางการลงทุนระดับโลก เพิ่มเติมจาก Schroders และ Julius Baer ที่มีการเติบโตที่ดี

การดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ Digital Bank with Human Touch สร้างผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง ในปี 2567 ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าส่งผลให้สินทรัพย์ภายใต้การบริหารเติบโตขึ้น 10% ยอดสินเชื่อธุรกิจกลุ่มลูกค้าเวลธ์ และการมอบโซลูชันการดูแลบริหารจัดการ การลงทุน ความคุ้มครอง ผ่านช่องทางธนาคาร ที่ยังคงครองอันดับ 1 ขณะที่ยังคงสร้างความมั่นใจและผลตอบแทนที่โดดเด่นให้กับลูกค้าด้วยยอดขายอันดับ 1 ในผลิตภัณฑ์หุ้นกู้อนุพันธ์แฝง (Structured Products) 4 ปีซ้อน พร้อม 10 รางวัลการันตีจากสถาบันระดับโลก นอกจากนี้ ธนาคารยังคงเดินหน้ายกระดับประสบการณ์การบริหารความมั่งคั่งด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัล และ AI ผ่าน SCB WEALTH LINE OA, บริการ AI Advisory Chatbot, WEALTH4U และ MY ALERT

นอกจากนี้ได้ทำการศึกษาข้อมูลเชิงลึก พบว่าสิ่งที่ลูกค้ามองหาจากธนาคารในการดูแลและบริหารความมั่งคั่งคือ ความจริงใจ ใส่ใจ ความเชี่ยวชาญด้านการบริหารความมั่งคั่ง และสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืน มีผลิตภัณฑ์และโซลูชันด้านการเงินการลงทุนที่ครบวงจร และในปี 2568 ได้วางเป้าหมายธุรกิจบริหารความมั่งคั่งภายใต้แนวคิด “Your Success. Our Success.” ความสำเร็จของคุณ คือความสำเร็จของเรา นำเสนอโซลูชันด้านการบริหารความมั่งคั่งแบบองค์รวมโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ผสานศักยภาพจากบริษัทภายใต้กลุ่ม SCBX อาทิ บลจ.ไทยพาณิชย์  (SCBAM), บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ บล. ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์และพันธมิตรชั้นนำระดับโลกกว่า 30 ราย เข้ากับขีดความสามารถในการให้คำปรึกษาในการนำเสนอโซลูชันบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า SCB WEALTH จำนวนกว่า 500,000 ราย โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ SCB PRIME, SCB FIRST และSCB PRIVATE BANKING ทั้งด้านเป้าหมายชีวิต และเป้าหมายด้านการลงทุน โดยยึด 3 กลยุทธ์หลักอันเป็นหัวใจสู่ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ได้แก่

1. Customer Centricity: คิดจากคุณ เพื่อความสำเร็จในแบบเฉพาะคุณ

มุ่งเน้นเป้าหมายและความต้องการของลูกค้าแต่ละช่วงชีวิตอย่างลึกซึ้ง และยึดผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้าเป็นที่ตั้ง โดยคัดสรรผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่เหมาะสมในทุกมิติ ด้วยบริการวางแผนกับที่ปรึกษาด้านการบริหารและต่อยอดความมั่งคั่งมืออาชีพ โดยนำเสนอโซลูชันผ่าน 3 แนวคิดใหม่ ดังนี้

ลูกค้ารู้สึกไม่เป็นธรรม เมื่อต้องจ่ายเงินค่าธรรมเนียม แม้ตลาดติดลบ นำเสนอแนวคิดใหม่ของการลงทุน No Gain No Pay ไม่เก็บค่าธรรมเนียม มูลค่าหน่วยลงทุนไม่ถึงเป้าหมาย ซึ่งหลังจากเปิดตัวเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีจนสามารถบรรลุเป้าหมายภายที่วางไว้ภายใน 1 เดือน 13 วัน จากที่ตั้งเป้าที่ 8 เดือน   และประมาณเดือนมี.ค.นี้ จะมีการเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนใหม่

สำหรับลูกค้าที่มีความกังวลเรื่องตลาดผันผวน นำเสนอแนวคิด Capital Protected Fund การลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำ ลดการขาดทุนเงินต้น พร้อมผลตอบแทนที่สูงกว่าการเงินทั่วไป ด้วยยอดขายตั้งแต่ปี 2567 จนถึงปัจจุบันกว่า 1 แสนล้านบาท

ลูกค้าไม่รู้ว่าจะต้องวางแผนบริหารความมั่งคั่งให้ครอบคลุมทุกมิติได้อย่างไร นำเสนอแนวคิด Innovative Holistic Advisory Solution ออกแบบโซลูชันการบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคลที่ตรงตามความต้องการที่หลากหลาย อาทิ การต่อยอดทางการเงิน การดูแลบริหารจัดการ ความคุ้มครอง รวมถึงการส่งต่อความมั่งคั่ง เพื่อสร้างผลลัพธ์ความสำเร็จที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง

2. Hyper-Personalization: ตอบโจทย์ทุกความต้องการ เพื่อคุณโดยเฉพาะ

ยกระดับประสบการณ์การบริหารความมั่งคั่งเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ารายบุคคล ผสานศักยภาพของผู้เชี่ยวชาญเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล และ AI ในการดูแลลูกค้าอย่างตรงใจและไร้รอยต่อในทุกมิติ

3. Go Global: ทุกที่ที่มีโอกาส เราให้คุณไปถึงได้ทั่วโลก

เปิดโลกการลงทุนสู่ตลาดโลก พร้อมต่อยอดความมั่งคั่งด้วยโซลูชันทางการเงิน การลงทุน และยกระดับการให้คำปรึกษาจากทีมผู้เชี่ยวชาญของ SCB WEALTH เข้ากับพันธมิตรระดับโลก ในการนำเสนอโซลูชันด้านการลงทุนสำหรับลูกค้าไทยพาณิชย์โดยเฉพาะภายใต้แนวคิด กองทุนผสมแนวคิดใหม่ ประกอบด้วยสินทรัพย์ดั้งเดิม และสินทรัพย์ทางเลือก

“ทั้งหมดนี้เพื่อนำไปสู่เป้าหมายสำคัญของไทยพาณิชย์ ในการเป็นธนาคารที่เป็นอันดับหนึ่งด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในประเทศไทย ภายในปี 2569 ด้วยการได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในการบริหารจัดการการลงทุน Asset Under Advisory เติบโตสองหลักหรือ Double Digit จากสินทรัพย์การลงทุนภายใต้ธีม Customer Centricity เติบโตกว่า 2 เท่า ลูกค้า Active ด้านการลงทุนผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มกว่า 30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 15% และสินทรัพย์การลงทุนสกุลเงินต่างประเทศเติบโตกว่า 180,000 ล้านบาท ขณะที่ยังคงสร้างความพึงพอใจของลูกค้า และรักษาผลตอบแทนสะสมที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าเหนือกว่าตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้วัดผลสำเร็จความยั่งยืนจากอัตราผลตอบแทนที่ได้รับจากคำแนะนำตลอด 9 ปีที่ผ่านมาเทียบกับ benchmark ” นายกฤษณ์ กล่าว

สำหรับการบริหารความมั่งคั่ง คือสิ่งที่คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงการบริการได้  มีการวางแผนทางการเงินและลงทุน  อย่าปิดโอกาสของตัวเอง สามารถสร้างความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น เพื่อให้มีความสุขเมื่อเกษียณ ต้องเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลก เปิดโอกาสกว้างกว่าในประเทศไทย มองหาการลงทุนที่มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์   ในส่วนประเทศไทยมองว่าปี 2568 ไม่น่าจะแย่กว่าปีที่ผ่านมา  คาด GDP เติบโตในช่วง 2.5-3% ตอนนี้งบประมาณเริ่มใช้เต็มเม็ดเต็มหน่วย  นโยบายการเงินเชื่อว่าจะผ่อนคลายลง คาดปีนี้ดอกเบี้ยนโยบายจะปรับลดลง 1 ครั้ง ขณะที่ธุรกิจหลักของไทย คือ ท่องเที่ยว อาหาร และโลจิสติกส์ ยังมีโอกาสเติบโต  ส่วนตลาดหุ้นที่ปรับตัวลง เกิดจากความเชื่อมั่นหรือเกิดจากปัญหา

ทางด้านตลาดหุ้นวันที่ 25 ก.พ. 2568  ดัชนีหุ้นไทยยังคงดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ปิดที่ระดับต่ำสุดของวัน 1,206.39 จุด ทรุดหนักถึง -29.46 จุด คิดเป็น -2.38% มูลค่าการซื้อขาย 50,245.39 ล้านบาท เกิดจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ  -3,398.54 ล้านบาท และสถาบันไทยทิ้ง -1,035.50  ล้านบาท สวนนักลงทุนไทยซื้อเก็บกว่า 5,275.01 ล้านบาท ทางด้านบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า  นักลงทุนต่างชาติเร่งซื้อตราสารหนี้ไทยอีก 3,774 ล้านบาท สะท้อนความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของกนง.ในวันพรุ่งนี้ (26 ก.พ.2568)  ถือเป็นปัจจัยบวกเชิงจิตวิทยาต่อ Yield play   เช่น SAWAD ,TIDLOR,SCAP,GPSC,AP<CPNREIT   เป็นต้น