บล.กสิกรฯ ให้แนวรับ 1,350 จุด จับตาประชุมเฟดสัปดาห์หน้า

HoonSmart.com>>บล.กสิกรฯให้แนวต้านสูงสุดที่ 1,390 จุด ลุ้นผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) 30-31 มี.ค.นี้ ชี้นำทิศทางตลาดหุ้น-ดอกเบี้ยโลก ส่วนค่าเงินบาท ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบเคลื่อนไหวที่ระดับ 35.30-36.15 บาท หลังแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือนที่ 35.88 บาทต่อดอลลาร์ฯ ตามแรงขายหุ้นและตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติ 

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (29 ม.ค.-2 ก.พ.2567) ว่า ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,360 และ 1,350 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,380 และ 1,390 จุด ตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (30-31 ม.ค.นี้) ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และผลประกอบการงวดไตรมาส 4/66 ของบจ. ไทย

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน และดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2566 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ค. ของยูโรโซน และดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค. ของจีน ญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษเดือนม.ค.

ในวันศุกร์ที่ 26 ม.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,368.15 จุด ลดลง 1.04% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 48,684.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.22% ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.89% มาปิดที่ระดับ 408.82 จุด

ดัชนีหุ้นเคลื่อนไหวผันผวน ร่วงลงแรงช่วงต้นสัปดาห์ แตะจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี 3 เดือนที่ 1,352.48 จุด โดยกลุ่มนักลงทุนต่างชาติขายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มแบงก์หลังผลประกอบการไตรมาส 4/2566 ออกมาต่ำกว่าคาด ประกอบกับมีปัจจัยลบจากข่าวสศค. ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 และ 2567 ลง หุ้นดีดตัวขึ้นช่วงสั้นๆ กลางสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนจากการเตรียมตั้งกองทุนพยุงหุ้นและออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีน และจากปัจจัยทางการเมืองในประเทศ อย่างไรก็ดีหุ้นย่อตัวลงอีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ท่ามกลางแรงขายหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากความกังวลเรื่องผลประกอบการ และแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงก่อนการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า (30-31 ม.ค.)

ส่วนค่าเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (29 ม.ค.-2 ก.พ.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 35.30-36.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ  หลังแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือนที่ 35.88 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

เงินบาทอ่อนค่าลงตามเงินเยนและสกุลเงินเอเชียบางส่วนช่วงต้นสัปดาห์ก่อนการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งตลาดคาดว่า BOJ น่าจะคงนโยบายการเงิน และอาจจะยังไม่ส่งสัญญาณมากนักเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน อย่างไรก็ดี เงินบาทแกว่งตัวในกรอบอ่อนค่าในช่วงต่อมาท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจไทย แม้เงินเยนจะเริ่มฟื้นตัวกลับ หลังถ้อยแถลงของผู้ว่าการ BOJ ถูกตลาดตีความว่าเป็นสัญญาณเชิงคุมเข้ม และ BOJ ใกล้ที่จะถอนตัวออกจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินแบบพิเศษแล้ว

นอกจากนี้ เงินบาทยังอ่อนค่าลงตามแรงขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องของต่างชาติ สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่มีแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดี อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนม.ค. และจีดีพีไตรมาส 4/66 ซึ่งหนุนโอกาสความเป็นไปได้ที่จะเห็นเฟดจะยืนอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงเป็นเวลานาน อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ตามแรงขายเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชั่นก่อนตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์ (26 ม.ค.) และก่อนการประชุมเฟดในวันที่ 30-31 ม.ค. นี้

ในวันศุกร์ที่ 26 ม.ค. 2567 (ก่อนช่วงตลาดนิวยอร์ก) เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 35.52 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (19 ม.ค. 2567) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 22-26 ม.ค. 2567 นั้นขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย 11,413 ล้านบาท และ 1,619 ล้านบาท ตามลำดับ