5 โบรกฯเล็ง 17 หุ้นรับผลบวกตลาดปรับมาตรการดูแลฯ หนุนสภาพคล่อง

HoonSmart.com>> 5 โบรกเกอร์มองตลาดหลักทรัพย์ปรับปรุงมาตรการดูแลในเรื่อง Short Sell และ Uptick Rule ช่วยหนุนสภาพคล่อง และปริมาณซื้อขายกลับมาสูงขึ้น โดยหุ้นที่ไม่ได้อยู่ใน SET100 และถูกทำ Short Selling มีโอกาสถูกเร่ง Cover Short เล็งหุ้น TTA TKN MAJOR THCOM THANI PSL TIPH SNNP GFPT SC CPAXT ORI MBK KAMART RBF AAI และ PTG จะได้รับผลบวก

บล.กรุงศรี ระบุว่า ตลท. เห็นชอบปรับปรุงมาตรการเพิ่มความเชื่อมั่นผู้ลงทุนและรักษาเสถียรภาพตลาดหุ้น ดังนี้ 1. การขาย Short Sales ให้เฉพาะกลุ่มหุ้นใน SET100 (เดิม = SET100 + non SET100 ที่มีสภาพคล่องสูง Market Cap 3 เดือนเฉลี่ยเกิน 7.5 พันล้านบาท และ Monthly Turnover 12เดือน ไม่น้อยกว่า 2% และ Free Float >/= 20%) นอกจากนี้ จะปรับเกณฑ์ Uptick Rule เมื่อจำเป็น เมื่อหลักทรัพย์นั้น ๆ เข้าเกณฑ์ที่กาหนด เช่น ราคาปรับลงแรงวันนี้ วันทำการถัดไปจะถูกบังคับใช้เกณฑ์ Uptick (ปัจจุบันใช้ Uptick ทั้งหมด) 2. การส่งคำสั่งซื้อนักลงทุนกลุ่ม High Frequency Trade จะทำได้เฉพาะหุ้นใน SET100 และ 3. ยกเลิกเกณฑ์กำหนดเวลาขั้นต่ำในการส่งคำสั่งซื้อขาย (Minimum Resting Time) และเลื่อนการ ใช้ Dynamic Price Band เฟส 2

ทั้งนี้ ประเมินประเด็นนี้เป็นกลาง-บวกอ่อน ๆ เพราะช่วยลดความผันผวนของหุ้นขนาดกลาง-เล็กได้ดีขึ้น โดยปัจจุบันหุ้น Non SET100 มีสัดส่วนราว 20% ของ SET รวมถึงเพิ่มความเชื่อมั่นนักลงทุนต่อการลงทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีศักยภาพ เติบโตระยะกลาง-ยาว โดยไม่มีความผันผวนระยะสั้นที่มากเกินควร โดยการปรับเกณฑ์ดังกล่าวคาด หนุนหุ้นกลุ่ม non SET 100 มีโอกาสถูกเร่ง Cover Short โดยปัจจุบันหุ้นที่มีประเด็นหนุนระยะสั้น ในกลุ่มดังกล่าวที่ยังถูก Short สูงกว่าค่าเฉลี่ย (0.15% ของทุนชำระแล้ว) และคาดเห็นการเร่ง Cover Short แนะนำเก็งกำไร TTA (ยอด Short 1.04%) TKN (0.79%) MAJOR (0.62%) PTG (0.58%) THCOM (0.48%) THANI (0.46%) PSL (0.38%) TIPH (0.36%) SNNP (0.26%) GFPT (0.25%) SC (0.16%) CPAXT (0.15%)

ส่วนหุ้นขนาดใหญ่ SET100 หลักเกณฑ์มีความสอดคล้องกับต่างประเทศมากขึ้น ผสานการปรับในประเด็นที่ 3 อีกด้านจะหนุนสภาพคล่อง และปริมาณซื้อขายกลับมาเพิ่มสูงขึ้น

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุว่า ตลท.เห็นชอบแนวทางการปรับปรุงมาตรการเพิ่มความเชื่อมั่น และสร้างเสถียรภาพต่อตลาดหุ้น โดยประเด็นที่ให้ความสนใจมี 3 ส่วนหลัก 1) ปรับปรุงหุ้นที่สามารถ Short Sell ได้เฉพาะหุ้นใน SET100 จากเดิมเป็นหุ้น SET100 และ Non SET100 2) การยกเลิกการใช้มาตรการ Uptick Rule กับทุกหลักทรัพย์ไปเป็นการใช้เฉพาะหุ้นที่เข้าเงื่อนไข 3) การใช้ HFT ได้เฉพาะกับหุ้นใน SET100 ซึงลำดับถัดไปทาง ตลท.จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอคณะกรรมการ ก.ล.ต.เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ช่วงปลายไตรมาส 2 ปี 2568

ทั้งนี้ มองการมาตรการข้างต้นที่ช่วยจำกัดการทำธุรกิจการ Short Sales และ HFT ที่ไม่สามารถทำได้กับหุ้น Non-SET100 เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยช่วยลดความผันผวนของหุ้นขนาดกลางเล็ก ซึ่งบางบริษัทมีข้อจำกัดด้านสภาพคล่องในการซื้อขาย ขณะที่มาตรการ Uptick Rule ที่ใช้แบบมีเงื่อนไขยังคงต้องติดตามรายละเอียดต่อไป

บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมปรับปรุงมาตรการดูแลตลาด โดย ยกเลิก Uptick Rule สำหรับหุ้นในดัชนี SET100 ซึ่งคาดว่าจะบังคับใช้ ปลายไตรมาส 2 ปีนี้ ประเด็นสำคัญ ได้แก่ Short sell คึกคักขึ้น – เพิ่มวอลุ่มการซื้อขาย ส่วนหุ้นนอก SET100 ได้อานิสงส์ CPAXT, THCOM, MBK, KAMART, TKN, RBF, AAI อาจลดแรงกดดัน

บล.ไอร่า มองการทบทวน Uptick Rule ให้บังคับใช้เฉพาะหุ้นที่เข้าเกณฑ์ และห้ามทำ Short Sell ในหุ้นนอก SET100 มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกอ่อน ๆ คาดจะช่วยกลับมาเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดได้บ้าง

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุตลท.เตรียมยกเครื่อง กฏระเบียบ หวังพยุงตลาด โดยแบ่งการปรับปรุงมาตรการเป็น 3 ข้อใหญ่ ๆ ได้แก่ 1) มาตรการกำกับดูแล Short Selling โดยจะปรับปรุงให้หุ้นที่ทำได้จำกัดเพียงหุ้นที่อยู่ในดัชนี SET100 (เดิมที่เคยให้หุ้นนอกดัชนี SET100 ที่มีขนาดใหญ่และสภาพคล่องสูงเข้าร่วมได้) นอกจากนี้จะให้กลับไปใช้เกณฑ์ Zero plus tick ในการขายชอร์ตแต่หากมีการแกว่งของราคาจากราคาปิดวันก่อนหน้า เกินกว่าที่กำหนด อาจบังคับใช้ Uptick rule เป็นรายตัวไป เพื่อลดความผันผวนของราคาหุ้น 2) การกำกับดูแล HFT(High Frequency Trading) โดยจะกำหนดให้ผู้ลงทุนที่เคยขึ้นทะเบียนขอส่งคำสั่งแบบ HFT สามารถส่งคำสั่งได้เฉพาะหุ้นที่อยู่ในดัชนี SET100 เท่านั้น(ไม่รวม Market Maker และหลักทรัพย์บางประเภท)

และ 3) ผ่อนคลายมาตรการที่เคยประกาศใช้ในปี 67 เช่นไม่กำหนดเวลาขั้นต่ำ ในการยกเลิก Order แล้ว(เดิมต้องรอเวลา Minimum Resting time 250 มิลลิวินาที) และเลื่อนการบังคับใช้มาตรการ Dynamic Price Band เฟส 2(เฟส 1 บังคับใช้กับหุ้นสามัญ หน่วยทรัสต์ หน่วยลงทุนกองทุนรวม)ที่จะครอบคลุมหลักทรัพย์อื่น ๆ ในเฟส 1 มองเป็นบวกต่อภาพรวมตลาด และหุ้นขนาดใหญ่ที่ไม่ได้อยู่ใน SET100 และถูกทำ Short Selling เช่น TTA TKN ORI และ PTG จะได้รับผลบวก