“คิงส์ฟอร์ด”คาด SET ได้แรงหนุนกลุ่มพลังงานขึ้นตามราคาน้ำมัน

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,260 จุด ส่วนแนวต้าน 1,280 จุด คาดได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงานปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบและรอฟังถ้อยแถลง ประธานเฟดต่อวุฒิสภาในช่วงค่ำวันนี้ เพื่อจับสัญญาณดอกเบี้ยสหรัฐ แนะนำซื้อเก็งกำไร PTTEP,BCP ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ กลุ่มท่องเที่ยว AOT,MINT กลุ่มไอซีที ADVANC,TRUE,INTUCH พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่น BAM, TTB

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,260 จุด แนวต้าน 1,280 จุด คาดได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงานที่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ และรอฟังถ้อยแถลงของ ประธานเฟดต่อวุฒิสภาในช่วงค่ำวันนี้ เพื่อจับสัญญาณดอกเบี้ยสหรัฐ แนะนำซื้อเก็งกำไร PTTEP,BCP ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ กลุ่มท่องเที่ยว AOT,MINT คาดได้แรงหนุนในช่วง High Season กลุ่มไอซีที ADVANC,TRUE,INTUCH ได้แรงหนุนการใช้ข้อมูล 5G และการลงทุนด้าน Data Center

ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 1.32 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล อยู่ที่ 72.32 เหรียญสหรัฐฯ/ บาร์เรล, ส่วน Brent ส่งมอบเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.21 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล อยู่ที่ 75.87 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล หลังกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศ มาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่อิหร่านหลายท่าน และเรือบรรทุกน้ำมันอิหร่านที่ขนส่งน้ำมันดิบไปยังตลาดจีน

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.38%, S&P500 +0.67%, Nasdaq +0.98% วานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นรับข่าวสหรัฐใช้ มาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ส่วนกลุ่มผู้ผลิตเหล็ก & อลูมิเนียมปรับขึ้น หลังประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก & อลูมิเนียมกับประเทศในอัตรา 25% แต่ยังไม่ได้ระบุวันบังคับใช้

ส่วนกลุ่มเทคโนโลยีก็เริ่มฟื้นตัว หลังถูกกดดันจากการเปิดตัว DeepSeek Ai ต้นทุนต่ำของจีน โดยตลาดสหรัฐอยู่ระหว่างการรายงานงบ ซึ่ง LSEG คาดกำไร บจ.สหรัฐใน S&P500 Q4/67 +14.8% สูงกว่าเดิมคาดที่ +10% YoY

ประเด็นที่ต้องติดตามวันอังคาร – พุธ ประธานเฟดจะเข้าแถลงนโยบายการเงินกับวุฒิสภาและสภาผู้แทนฯ และวันพุธ US CPI ม.ค. คาด 2.9% YoY ทรงตัวเท่ากับ ธ.ค. เพื่อจับสัญญาณลดดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้ ซึ่ง CME FedWatch ชี้โอกาสลดดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ในช่วง ก.ค.

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ BAM (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 7.40 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 4Q67 เติบโต QoQ, YoY มีปัจจัยหนุนจากยอดจัดเก็บหนี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล บวกกับการขาย NPA ที่ดีขึ้นตามการออกโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย ส่วนค่าใช้จ่ายในการสำรองหนี้จะลดลงสอดคล้องกับการชำระหนี้ของลูกค้า สำหรับปี 68 ตลาดคาดกำไร 1.7 พันล้านบาท โตราว +10%YoY จากการประมูลซื้อหนี้เสียก้อนใหม่และการปรับโครงสร้างหนี้ของลูกค้าเพิ่มขึ้น ด้านรายได้ non-interest ขยายตัวจากการบริหารจัดการ JVAMC ที่ทำร่วมกับธนาคารออมสินและ KBANK ด้านการขาย NPA มีแนวโน้มดีด้วยกลยุทธ์ให้ลูกค้าสามารถผ่อนโดยตรงกับบริษัทได้ด้วยดอกเบี้ย 0% – 2 ปีแรก

หุ้น TTB (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 2.07 บาท) กำไร Q4/67 อยู่ที่ ที่ 5,112 ลบ. -2.3% QoQ, +5.0% YoY โดยภาพทั้งปี TTB มีกำไรปี 67 รวมอยู่ที่ 2.1 หมื่น ลบ. +12.9% YoY สินเชือปี 67 หดตัว -6.5% YTD ชะลอตัวตามสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ แต่ยังได้แรงหนุนจาก Loan Yield อยู่ที่ 5.59% +31 Bps YoY จากเน้นปล่อยสินเชื่อ High Yield ด้านต้นทุนการเงินควบคุมได้ดี กอปรกับยังได้ประโยชน์ทางภาษี Tax Shield จำนวน 4.9 พัน ลบ. NPL ปรับลดลงอยู่ที่ 2.59% อัตรา Coverage Ratio ที่ 151% ส่วนปี68 ฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไร TTB ที่ 2.13 หมื่น ลบ. +1.48% YoY บนสมมุติฐานคาดสินเชื่อปี 68 +1% YoY สาเหตุจากตลาดสินเชื่อรถยนต์ที่คาดยังฟื้นตัวช้า แต่ได้แรงหนุนจากอัตรา Loan Yield คาดรักษาที่ระดับ 4.8% จากการเน้นปล่อยสินเชื่อ High Yield ขณะที่ Cost to Income คาดที่ 43.7% และ Credit Cost คาดที่ 1.44%

 
 
———————————————————————————————————————————————————–