HoonSmart.com>>”สยามเวลเนสกรุ๊ป”(SPA)ตั้งเป้ารายได้ปี 68 ที่ 2,000 ล้านบาท โต 17% จากปี 67 ที่คาดทำได้ 1,700 ล้านบาท แผนขยาย 10 สาขา งบลงทุนปีนี้ 250 ล้านบาท ฐานะการเงินแกร่ง-ไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน แม้ราคาหุ้นต่ำ มองเป็นผลจากกองทุน LTF ขายออกมา ธุรกิจสปายังเป็นเมกะเทรนด์อยู่ พร้อมขยายเวลาความร่วมมือกับ LEO ด้านสุขภาพต่อในปี 68 ส่วนกรณีการลักพาตัวคนจีนไม่กระทบลูกค้าของบริษัท เตรียมประชุมบอร์ด 21 ก.พ.ก่อนแจ้งงบฯปี 67
นายณรัล วิวรรธนไกร กรรมการ บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป (SPA) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2568 ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท เติบโต 17% จากปี 2567 ที่คาดจะทำรายได้ 1,700 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทกลับมาขยายสาขาเป็นปกติ ซึ่งมีแผนจะขยาย 10 สาขา ปัจจุบันได้เปิดไปแล้ว 2 สาขา คงเหลืออีก 8 สาขาที่จะเปิดในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งครึ่งหนึ่งจะเป็นในรูปแบบเปิดสาขาของตัวเอง และอีกครึ่งหนึ่งจะเป็นการรับบริหาร โดยในเดือนมี.ค.จะเปิดสาขาตั้งอยู่ตรงข้าม One Bangkok และจะเปิดสาขาในโรงแรมเอเชียในช่วงไตรมาส 2/2568
ทั้งนี้ ได้ตั้งงบลงทุนสำหรับปี 2568 ไว้ที่ 250 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และเงินกู้เล็กน้อย โดยคาดวาจะใช้สำหรับขยายสาขาประมาณ 15-20 ล้านบาทต่อสาขา ฐานะการเงินของบริษัทปัจจุบันถือว่าแข็งแกร่งขึ้นมาแล้วหลังโควิด-19 ปี 2566-2567 รายได้และกำไรฟื้นตัวขึ้นกลับมาดีกว่าเดิม(ช่วงโควิด) ซึ่งบริษัทมีเงินสดอยู่มาก เพราะลูกค้าของบริษัทเป็นลูกค้าตรง (B2C) เงินกู้จากสถาบันการเงินอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ปัจจุบันอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) 0.87 เท่า
“สำหรับความร่วมมือกับ”ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์”(LEO) ในปีที่ผ่านมา ในแคมเปญส่งมอบความสุขด้านสุขภาพ มอบสิทธิประโยชน์สำหรับลูกค้า LEO Self Storage และ SPA จะยังคงขยายความร่วมมือกันต่อในปีนี้ นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะทำการตลาดร่วมกับองค์กรอื่นด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างพูดคุยกันอยู่”
กรรมการ SPA กล่าวว่า ราคาหุ้น SPA ปรับตัวลงอยู่ในระดับต่ำ เป็นผลจากกองทุนบางส่วนได้ทำการปรับพอร์ตลงทุน โดยกองทุน LTF อาจเอาหุ้นออกมาขายบางส่วน ซึ่งก็ไม่ได้กระทบแต่ SPA อย่างเดียว ตอนนี้ราคาหุ้น SPA อยู่แถว 5.75 บาท ซึ่งยังสุงกว่าราคาขาย IPO ที่ 1.7 บาท/หุ้น ดังนั้นบริษัทจึงยังไม่มีแผนที่จะซื้อหุ้นคืนเหมือนคนอื่น และธุรกิจของบริษัทยังเป็นเมกะเทรนด์อยู่
ส่วนกรณีที่มีการลักพาตัวคนจีนแล้วทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่วลงนั้น นายณรัล กล่าวว่า “เราได้พูดคุยกับพันธมิตรแล้ว พบว่าที่กระทบจะเป็นพวกกรุ๊ปทัวร์ และไฟล์ลบินเหมาลำ ซึ่งพวกนี้ไม่ใช่ลูกค้าของเรา เราไม่มีการยกเลิก และยังไม่มีรัฐบาลจีนประกาศห้ามเที่ยวไทย มีแค่คำเตือนให้ระวังเท่านั้น จำนวนนักท่องเที่ยวเวลานี้ยังถือว่ายังดีอยู่”
ทั้งนี้ ลูกค้าหลักของบริษัทยังเป็นลูกค้าในประเทศ ซึ่งมองว่ายังมีโอกาสที่จะหารายได้จากในประเทศได้อีกมาก โดยมูลค่าตลาดสปาในไทยทั้งระบบมีถึง 35,000 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2567 บริษัทคาดทำรายได้ประมาณ 1,700 ล้านบาท ตลาดไทยจึงยังมีพื้นที่ที่จะขยายได้อยู่ ส่วนต่างประเทศบริษัทก็มีทำในลักษณะแฟรนไชส์ที่ไม่มีต้นทุน ซึ่งมีที่ประเทศจีน และเมียนมา แห่งละ 1 สาขา ซึ่งก็ไม่ค่อยจะสร้างรายได้เท่าไร
พร้อมเตรียมประชุมบอร์ดบริษัทฯในวันที่ 21 ก.พ. ก่อนแจ้งผลประกอบการปี 2567 ให้นักลงทุนได้ทราบโดยทั่วถึงกันผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย