“ทิพยกรุ๊ป”ร่วมทุน “BE8” ตั้งบริษัท T8 ทำระบบประกันภัยดิจิทัลขายไทย-อาเซียน

HoonSmart.com>>ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ร่วมทุน เบริล8 พลัส ตั้ง บริษัท ฮอไรซอน ที8 สร้างระบบประกันภัยดิจิทัล ขายให้ธุรกิจประกันภัยไทย-อาเซียน เก็บเงียบตัวเลขรายได้

ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TIPH) เปิดเผยว่า ได้ร่วมลงทุนกับ บริษัท เบริล 8 พลัส ( BE8) บริษัทเทคโนโลยี หรือTech company ครบวงจร จัดตั้ง บริษัท ฮอไรซอน ที 8 (HoriXonT8 หรือ T8) ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท โดย TIPH ถือหุ้น 51% และ BE8 ถือหุ้น 49% เพื่อพัฒนาระบบการทำงานของธุรกิจประกันภัยไว้บนดิจิทัลเอไอ เป็นการยกระดับระบบนิเวศน์ทางธุรกิจประกันภัย (Insurance Ecosystem) ผ่านการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่ครอบคลุมทุกระบบการทำงานของธุรกิจประกันภัย ทั้งงานขาย การพิจารณารับประกันภัย การคำนวณเบี้ยประกันภัย การเคลม ไปถึงการบริการหลังการขาย

“ในเบื้องต้น T8 จะให้พัฒนาให้กับทางบริษัททิพยประกันภัย และ บริษัทอินชัวร์เวิร์ส ก่อน จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายได้ของ T8 ในปีแรกได้ หลังจากนั้นเราจะขยายการให้บริการกับอุตสาหกรรมประกันภัย ซึ่งระบบนี้จะเหมาะมากกับบริษัทประกันภัยขนาดเล็ก ที่ปัจจุบันหลายแห่งยังทำงานบนระบบเอ็กเซลอยู่เลย เพราะไม่ต้องไปลงทุนทำเองที่อาจจะไม่คุ้ม เพราะต้องใช้เงินลงทุนสูง และเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเร็ว ถ้ามาใช้ระบบของเราสามารถนำไปใช้ได้ทันที ซึ่งในระยะยาวเราจะขยายไปยังตลาดประกันภัยในภูมิภาคอาเซียนด้วย โดยTIPH จะมีรายได้จาก T8 จากส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนการลงทุน”นายสมพร กล่าว

นายสมพร กล่าวว่า การเลือกจัดตั้งบริษัท T8 แทนการให้บริษัททิพยประกันภัย ทำการปรับระบบ Core Insurance ด้วยตัวเอง เพราะใช้เงินลงทุนน้อยกว่า ถ้าทำเองจะใช้เงินประมาณ 700 ล้านบาทขึ้นไป ประกอบกับระบบเก่ายังใช้งานได้ดีอยู่ แต่ T8 จะพัฒนาระบบใหม่แล้วนำมาเชื่อมกับระบบเก่า และทาง TIPH ยังจะมีการร่วมลงทุนกับบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ในด้านอื่นๆ อีก ที่จะมีการมาเสริมในส่วนที่ทางทิพยประกันภัยยังขาด

ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในหลายมิติ ทั้งการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมผู้บริโภค ด้านสภาพแวดล้อม และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI ที่เข้ามามีบทบาทในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมประกันภัยก็ต้องเผชิญกับความท้าทายเหล่านี้

Insurance Ecosystem ถือเป็นระบบนิเวศสำคัญ ทั้งในมิติของบริษัทประกันภัย, ตัวแทน/นายหน้า และคู่ค้า ตลอดจนผู้ให้บริการนอกอุตสาหกรรม เช่น สถาบันการเงิน, สถานพยาบาล, E-commerce และ Market Place ต่าง ๆ จึงเล็งเห็นโอกาสเพื่อปลดล็อคข้อจำกัดเดิม ๆ เพื่อให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการด้านประกันภัยในรูปแบบใหม่ที่มีความหลากหลาย รวดเร็ว และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้นแบบไร้รอยต่อ ช่วยให้สามารถขยายฐานลูกค้าและเปิดตลาดใหม่ได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ

“ด้วยประสบการณ์กว่า 72 ปีของทิพยประกันภัย ที่มีความเข้าใจในระบบประกันภัยและความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า การร่วมมือกับ BE8 ครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการผสานความแข็งแกร่งและความเชี่ยวชาญของทั้งสองบริษัท โดยนำเอา Artificial Intelligence (AI) มาพัฒนาโซลูชันเพื่อสร้าง The Future of Insurance ให้ตอบโจทย์กับทุกความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง”นายสมพร กล่าว

นายอภิเษก เทวินทรภักติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบริล 8 พลัส (BE8) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮอไรซอน ที 8 กล่าวว่า บริษัทมีความพร้อมที่จะนำเทคโนโลยีเอไอ และ นวัตกรรมดิจิทัล ด้วยความรู้และกำลังคนไอที 1,000 คน ที่จะสร้าง T8 ให้เป็นจุดเริ่มต้นในการพลิกโฉมวงการประกันภัย ด้วยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีให้เชื่อมโยงกับทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรม เพื่อสร้างโอกาสที่ดีกว่าสำหรับองค์กร ลูกค้า พันธมิตร ในมุมดิจิทัล สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งโบรกเกอร์ ตัวแทน นายหน้า อู่ซ่อมรถ โรงพยาบาล อี-คอมเมิรช์แพล็ตฟอร์ม และแพล็ตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ และพันธมิตรอื่นๆ ทั้งในไทย และในอาเซียนด้วย

เทคโนโลยีสามารถปลดล็อคศักยภาพทุกมุมของทุกห่วงโซ่ธุรกิจประกันตั้งแต่ต้นจนจบ เช่น การออกแบบสินค้า สามารถนำเอไอมาวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการขับขี่รถ สถานที่ ประวัติการเคลม เพื่อใช้ในการออกแบบความคุ้มครองตามการใช้งานของลูกค้าจริงๆ รวมถึงการตลาด ที่นำเอไอมาสร้างเนื้อหาหรือคอนเท้นท์ให้เหมาะกับช่องทางการขายทำให้เกิดความรวดเร็ว ในเรื่องตัวแทนสามารถนำเอไอมาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวในการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าในทุกแง่มุม ไม่เพียงแต่เรื่องประกันอย่างเดียว และอยู่กับตัวแทนในทุกที่ทุกเวลา รวมถึงนำมาช่วยเรื่องงานขายด้วยการใช้ AI Agent มาช่วยปลดล็อคเรื่องกำลังคนได้ ในการนำเสนอประกันในช่องทางดิจิทัลต่างๆ ลูกค้าสามารถขอคำปรึกษาได้ตลอด 24 ชั่วโมง

นายอภิเษก กล่าวว่า AI และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยสามารถ ตอบสนองกับ Global Trends ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Embedded Insurance หรือประกันภัยที่ฝังตัวอยู่ในผลิตภัณฑ์และบริการ ที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ตั้งแต่เรื่องการเดินทาง การดูแลสุขภาพ และการซื้อสินค้าผ่านช่องทาง E-Commerce และการพัฒนา Digital Platforms ให้ทุกส่วนของ Insurance Ecosystem ได้เข้าถึงเทคโนโลยีและสามารถทำงานด้วยกับแบบไร้รอยต่อยิ่งขึ้น ซึ่งประเทศที่มีการใช้ AI และเทคโนโลยีที่้ล้ำสมัย สามารถจัดการกรมธรรม์ได้ถึง 20 ล้านฉบับต่อเดือน ส่วนไทยจัดการได้ 2-3 ล้านกรมธรรม์ต่อปี

“ด้วยระบบ Insurance Ecosystem ของเรา จะทำให้บริษัทประกันภัยเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น สามารถนำเสนอโซลูชั่นให้กับลูกค้าในทุกสถานการณ์ ช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า “นายอภิเษก กล่าว