อสังหาฯ ร่วงตื่น กนง. เสียงแตก ปีหน้าดบ.ขาขึ้น หุ้นกู้ครบดีล 5 แสนล.

หุ้นอสังหาริมทรัพย์โดนหางเลข มติกนง.คงดอกเบี้ย ไม่เป็นเอกฉันท์ 4 ต่อ 3 กรุงศรีคาดจะเริ่มปรับขึ้นเดือนธ.ค. สมาคมตราสารหนี้ฯคาดไตรมาสแรกปีหน้า ยังไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันต้นทุนเอกชนแพงขึ้นแล้วตามสหรัฐ กระทบหุ้นกู้ครบอายุกว่า 5 แสนล้านบาทในปีหน้า ส่วนปีนี้ธุรกิจระดมทุนประมาณ 8 แสนล้านบาท ไทยเบฟฯเจ้าใหญ่สุด 1.2 แสนล้านบาท ขายไตรมาส 1 เทียบไตรมาส 3 ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นแล้ว 0.30%

หุ้นอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลงในช่วงบ่ายของการซื้อขายวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง) มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี โดยกรรมการ 3 คนเห็นควรให้ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจอสังหาฯ ส่งผลให้ดัชนีกลุ่มปิดที่ 305.99 ลดลง 1.18 จุด คิดเป็น 0.38% ด้วยมูลค่าการซื้อขายถึง 2,478 ล้านบาท

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยกลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์วิเคราะห์ ว่าการลงมติของกนง.อย่างไม่เป็นเอกฉันท์ 4 ต่อ 3 โดยมีกรรมการ 3 ท่านเห็นควรให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าสู่ระดับ 32.90 บาทต่อดอลลาร์ แต่การปรับตัวของค่าเงินในช่วงนี้สะท้อนความแข็งแกร่งของดอลลาร์ ซึ่งได้อานิสงส์จากปัญหาร่างงบประมาณของอิตาลีและข้อตกลง Brexit ที่ยังไม่มีข้อสรุป

น.ส.อริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย คาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตขึ้นอยู่กับนโยบายของกนง.โดยส่วนตัวคาดว่าดอกเบี้ยนโยบายจะยังไม่เปลี่ยนแปลงในไตรมาสแรกของปี 2562 เมื่อพิจารณาจากข้อมูลในปัจจุบัน ทั้งตัวเลขเงินเฟ้อ และเงินทุนต่างประเทศยังคงไหลเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทยมากกว่า 1 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตามต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตามอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา(เฟด) เช่น บริษัทไทยเบฟเวอเรจ ออกและเสนอขายหุ้นกู้ในไตรมาส 1/2561 เปรียบเทียบกับหุ้นกู้ที่เสนอขายในช่วงไตรมาส 3 อายุเท่ากัน แต่มีต้นทุนสูงขึ้นเฉลี่ย 0.30% ขณะเดียวกันผู้ประกอบการมีการออกหุ้นกู้ระยะยาวเพื่อล็อกต้นทุนทางการเงิน คาดว่าในปีนี้จะมีการระดมทุนประมาณ 8 แสนล้านบาท มูลค่าใกล้เคียงกับปี 2560 ที่ผ่านมา โดยในปีนี้ บริษัทไทยเบฟฯระดมทุนมากที่สุด มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท

ขณะเดียวกันแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยโลกที่สูงขึ้น มีผลต่อหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2562 คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 5.5 แสนล้านบาท จะต้องมีภาระต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น ส่วนหุ้นกู้ที่ไม่มีการจัดอันดับเครดิต(เรทติ้ง) ก็ต้องมีหลักประกันหรือให้สถาบันการเงินค้ำประกัน เนื่องจากนักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น

เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมาบริษัทไทยเบฟฯออกและเสนอขายหุ้นกู้ 2 ชุดๆละ 8,000 ล้านบาท รวมมูลค่า 16,000 ล้านบาท ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.6% ต่อปี และชุดที่ 2 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.16%ต่อปี เพื่อนำเงินไปชำระคืนธนาคาร ทั้งนี้ หุ้นกู้ อายุ 2 ปี ดอกเบี้ยสูงขึ้น 0.81% จากหุ้นกู้ที่เสนอขายในเดือนมี.ค. 2561 และอายุ 10 ปี ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.56%