ส่งออก พ.ย. โต 4.9% เล็งธ.ค.เป็นบวกหนุนปีนี้ติดลบน้อยลง

HoonSmart.com>>กระทรวงพาณิชย์ เผยตัวเลขส่งออกเดือนพ.ย.ขยายตัว 4.9% YoY บวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 จากสินค้าเกษตรขยายตัว เด่นคือ ยางพารา +14.5% โดย 11 เดือนปี 66 ส่งออกหดตัว -1.5% YoY คาดส่งออกในเดือนธ.ค.ขยายตัวเป็นบวกได้ ส่งผลให้ตัวเลขส่งออกปี 66 ติดลบน้อยลง ส่วนนำเข้าขยายตัว +10.1% YoY จากการมูลค่าการนำเข้าน้ำมันและการนำเข้าสินค้าทุนเพิ่มขึ้น และไทยยังขาดดุลการค้า 2,399.4 ล้านเหรียญสหรัฐใน พ.ย.66 ด้านโบรกฯเชียร์หุ้นได้ประโยชน์จากการขยายตัวของส่งออก

กระทรวงพาณิชย์ รายงานตัวเลขส่งออกเดือน พ.ย. มีมูลค่า 23,479.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 4.9% YoY บวกได้ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยสินค้าเกษตรขยายตัว 7.7% YoY สินค้าเด่น ได้แก่ ยางพารา +14.5% YoY อาหารทะเล +2.5% YoY อาหารสัตว์เลี้ยง +3.3% YoY สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรขยายตัว 1.7% YoY ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปขยายตัว 2.5% YoY อาหารสุนับและแมวขยายตัว 5.8% YoY และสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 3.4% โดยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัว 10.9% YoY

ทำให้ 11 เดือนแรกของปี 66 (ม.ค.-พ.ย.)ตัวเลขส่งออกมีมูลค่า 261,770.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว -1.5% YoY โดยในช่วง ธ.ค. คาดส่งออกขยายตัวเป็นบวกได้ต่อ ทำให้การส่งออกปี 2566 ติดลบน้อยลง

ขณะที่ตัวเลขนำเข้าเดือน พ.ย. 66 มีมูลค่า 25,879.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว +10.1% YoY หลัก ๆ จากการมูลค่าการนำเข้าน้ำมันและการนำเข้าสินค้าทุนเพิ่มขึ้น โดยสินค้าทุน +23.9% YoY เร่งต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 มองบ่งชี้สัญญาณสำคัญต่อภาพภาคผลิตฟื้น ส่วน 11 เดือนแรกของปี 66 มีมูลค่านำเข้า 267,935.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 3.8%

เดือน พ.ย.66 ไทยยังขาดดุลการค้า 2,399.4 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 11 เดือนแรกของปี ขาดดุลการค้า 6,165.3 ล้านเหรียญสหรัฐ

นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกไทยปีนี้คงเป็นบวกได้ยาก แต่เชื่อว่าจะติดลบไม่มากไปกว่า 1.5% หากประเมินตัวเลขการส่งออกเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ราว 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ใกล้เคียงกับเดือน ธ.ค.65 ซึ่งหากตัวเลขจริงออกมาเท่านี้ การส่งออกของไทยทั้งปี 66 ก็อาจจะติดลบไม่เกิน 1%

อย่างไรก็ดี หากจะให้การส่งออกไทยปีนี้ไม่ติดลบเลยหรืออยู่ที่ 0% นั้น มูลค่าการส่งออกในเดือนธ.ค.66 จะต้องทำให้ได้ถึง 25,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขสูงมาก เพราะตัวเลขส่งออกเดือนธ.ค.เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง จะอยู่ที่ราว 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น

ปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่ทำให้การส่งออกของไทยยังสามารถขยายตัวได้ มาจากปริมาณการส่งออกข้าวที่ยังเติบโตในอัตราสูง ปีนี้คาดว่าจะส่งออกข้าวได้ตามเป้าหมายที่ 8 ล้านตัน และเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญหลายประเทศ มีแนวโน้มดีกว่าคาด รวมถึง ยังมาจากการผลักดันการส่งออกร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการนำผู้ประกอบการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ และการส่งเสริมการขยายตลาดแฟรนไชส์

การส่งออกไทยยังมีปัจจัยท้าทายจากการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับสูงของธนาคากลางต่าง ๆ อาจส่งผลให้การลงทุนใหม่ ๆ ชะลอตัว และสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ภาวะภัยแล้งจากเอลนีโญ อาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรบางรายการ

สำหรับเป้าหมายการส่งออกในปี 67 ต้องรอดูการส่งออกเดือนธ.ค.จะออกมาเท่าใด ก่อนจะประเมินภาพรวมและแนวโน้มสำหรับปีหน้า ก่อนหน้านี้ได้เคยคาดไว้ว่าจะเห็นการส่งออกปีหน้า เติบโตได้ราว 2% จากปีนี้

อย่างไรก็ดี ปีหน้าการส่งออกไทยจะดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากเงินเฟ้อชะลอลงกลับสู่เป้าหมาย วัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะยุติลง กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว พร้อมกับความเชื่อมั่นในการบริโภคและการลงทุนที่กลับมา

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุเชิงกลยุทธ์แนะนำ”ซื้อ”ชอบ TU, ITC ที่ได้ประโยชน์จากการขยายตัวของยอดส่งออกอาหารสัตว์ และต้นทุนทูน่ามีแนวโน้มลดลงหนุนต่อประสิทธิภาพการทำกำไร หนุนผลประกอบการไตรมาส 4/66 ฟื้นตัวต่อเนื่อง

บล.กรุงศรี พัฒนสิน มองบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยระยะถัดไป โดยยอดส่งออกข้างต้น และการนำเข้าที่เร่งจากสินค้าทุน เชื่อว่าจะค่อย ๆ คลายตัวความกังวลตลาดที่มีอยู่ในส่วนภาคผลิต และการส่งออก ผสานสัปดาห์นี้ SET จะมีเม็ดเงินใหม่เข้ามาหนุนกองทุน TESG แบบเร่งตัว โดยมีหุ้นเด่น คือ KCE (ราคาเป้าหมาย 63 บาท), AOT (ราคาเป้าหมาย 73.25 บาท), CPALL (ราคาเป้าหมาย 76 บาท), TU (ราคาเป้าหมาย 15.8 บาท) และ”เทรดดิ้่ง”หุ้นกลุ่มสินค้าที่มีภาพส่งออกสดใส อาทิ STA, NER, ITC