NUSA แจงข้อสงสัยตลาดฯ 3 ประเด็นละเอียดยิบ

HoonSmart.com>>NUSA ชี้แจงข้อมูลงบการเงินไตรมาส 3 ปี 2566 เพิ่มเติม รวม 3 ประเด็นละเอียดยิบ พร้อมร่อนหนังสือด้วยภาษาที่ออกรสถึงท่าทีที่มีต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ

บริษัทณุศาศิริ (NUSA) แจ้งว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีหนังสือ ที่ บจ. 291/2566 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2566 ขอให้บริษัทฯ ชี้แจงข้อมูลในงบการเงินไตรมาสที่ 3 ปี 2566 เพิ่มเติม รวม 3 ประเด็นหลักนั้น บริษัทฯ ขอชี้แจงในประเด็นต่างๆ

ประเด็นที่ 1 การเปลี่ยนกรอบเวลากำหนดราคาซื้อขายขั้นสุดท้าย (ซื้อหุ้น PNCV) และการเปิดดำเนินการโรงแรมที่เยอรมนี

ตอบ บริษัทมีอำนาจควบคุมเบ็ดเสร็จใน Panacee Grand Hotel Roemerbad ผ่านการถือหุ้นในบริษัท BHV จากเดิมจะซื้อทรัพย์สินแต่ต่อมาที่ประชุมคณะกรรมการให้ซื้อหุ้นแทนในราคา 740 ล้านบาทและมีอำนาจคุมเบ็ดเสร็จในโรงแรมดังกล่าว

ส่วนเหตุผลที่เลื่อนเปิดดำเนินการเพราะเยอรมนีมีความเข้มงวดต่อมาตรฐานความปลอดภัยอาคารสาธารณะ ประกอบกับตัวอาคารหลักเป็นอาคารขึ้นทะเบียน National Heritage การซ่อมแซมจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด

กรณีที่ตลาดหลักทรัพย์ฯขอให้ชี้แจง ณ สิ้นปี 2565 หนี้สินรวมสูงกว่าทรัพย์สินอื่น 407 ล้านบาท เพราะบริษัท PNCV มีสถานะเป็นโฮลดิ้งคัมปานี ถือหุ้นใน BHV ซึ่ง BHV มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน หลังจากจ่ายค่าหุ้น PNCV 711 ล้านบาทแล้วมีสถานะเป็นบริษัทปลอดหนี้ โดยผู้สอบบัญชีและผู้จัดทำบัญชีมีความเห็นชอบจะปรับปรุงรายการให้สะท้อนถึงสถานะการเงินที่แท้จริงเมื่อโรงแรมได้รับใบอนุญาตเปิดดำเนินการเรียบร้อยแล้ว

ประเด็นที่ 2 การขายยกแปลงโครงการอสังหาริมทรัพย์
ตอบ ผู้ซื้อคือ บริษัทเอสเซน แอสเสท มีน.ส.จิตตานันท์ พุทธิไตรสิน ถือหุ้น 100% และลงนามผู้เดียว โดยมีความสามารถในการชำระค่าซื้อสูงเนื่องจากเชี่ยวชาญในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยจะนำเงินค่าขายโครงการไปชำระหนี้ทั้งจำนวนและที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

ส่วนที่มีการโอนกรรมสิทธิให้ผู้ซื้อโดยที่ชำระค่าซื้อไม่ครบถ้วน เพราะโครงการดังกล่าวมีบ้านที่สร้างใกล้เสร็จเพียง 6 หลัง จากแปลงที่ได้รับใบอนุญาต 52 แปลง โดยผู้ซื้อต้องจัดหาเงินทุนในการดำเนินการให้แล้วเสร็จเอง ถ้ามีกำไรก็แบ่งบริษัท 50% ถ้าขาดทุนบริษัทไม่ต้องรับผิดชอบ

ทั้งนี้ผู้ซื้อได้จดจำนำหุ้นบริษัท เอสเชน แอสเสท จำกัด ให้บริษัทๆ ทั้งจำนวนเพื่อเป็นหลักประกันและอนุญาตให้บริษัทสามารถตรวจทานงบการเงินเพื่อตรวจสอบการชำระหนี้ค่าซื้อสินทรัพย์ที่เหลือได้

กรณี ณ วันประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติรายการดังกล่าว การดำเนินการให้เป็นไปตามเกณฑ์รายการที่เกี่ยวโยงกันอย่างครบถ้วนแล้วหรือไม่ อย่างไร พร้อมระบุขนาดรายการและกรรมการที่มีส่วนได้เสียเข้าร่วมประชุมและออกเสียงหรือไม่ ไม่ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะฝ่ายบริหารมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนโดยสุจริตในคำนิยามบุคคลที่เกี่ยวข้อง จึงมิได้ดำเนินการตามเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกัน เมื่อบริษัทฯได้รับทราบจากผู้สอบบัญชีว่ามีความผิดพลาดก็รีบดำเนินการตามขั้นตอน

ประเด็นที่ 3 การกู้ยืมเงินจากกิจการอื่นโดยวางหลักทรัพย์ค้ำประกันเกินกว่ายอดเงินกู้ยืม 5 เท่า
ตอบ ผู้ให้กู้ คือ บริษัท เจ เอ โอ โฮลดิ้ง ไม่มีความสัมพันธ์เข้าลักษณะที่เกี่ยวโยงกัน วงเงินกู้ 30 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 12% มีค่าธรรมเนียม 3% ของเงินกู้ 30 ล้านบาท เป็นเวลา 6 เดือน มีการจำนำหุ้นบริษัทเด็มโก้ (DEMCO) 29.06 ล้านหุ้น โดยราคาทุนของบริษัทอยู่ที่หุ้นละ 5 บาท เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยราคาปิดก่อนวันทำสัญญาอยู่ที่ 2.58 บาทต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วนหนี้ต่อหลักประกัน 1:2.5 เท่า หรือ 40% เพื่อนำเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน

ส่วนเรื่องที่ตลาดหลักทรัพย์ของให้สรุปยอดหนี้และดอกเบี้ย กรณีเงินให้กู้ยืมจาก มอร์ มันนี่ โดยมีการขยายระยะเวลามาแล้ว 2 ครั้ง นั้น

ตอบว่า บริษัทมอร์ มันนี่ ไม่ใช่ลูกค้าทั่วไป แต่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ เนื่องจากบริษัทฯโดยบริษัทย่อยของกิจการร่วมค้า มีการวางแผนดำเนินธุรกิจ Event คือ Rolling Lound

ทั้งนี้ บริษัทมอร์ มันนี่ ได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่ในที่ดินว่างเปล่าของบริษัทฯเพื่อรองรับการจัดกิจกรรมในปี 2566 ที่ผ่านมา โดยมูลค่าเงินลงทุนเกินกว่า 100 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การจัดงาน Rolling Loud มีค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์ การลงทุนปรับปรุงพื้นที่จำนวนมาก ทำให้ขาดสภาพคล่อง ซึ่งทางบริษัทอยู่ระหว่างหารือกับบริษัทมอร์ มันนี่ เมื่อได้ข้อสรุปที่ชัดเจนของแนวโน้มผลการดำเนินงานของ Rolling Round ในปี 2567 จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://weblink.set.or.th/dat/news/202312/0305NWS251220230740090333T.pdf

นอกจากนี้ บริษัทณุศาศิริ ยังเขียนบทความที่แสดงถึงความรู้สึกต่อการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯสั่งให้ชี้แจง โดยใช้หัวข้อ”NUSA สุดทน ร่อนหนังสือชี้แจง NUSA ชี้แจงตลาดหลักทรัพย์ ทุกประเด็น สยบข่าวลือ”ด้วยภาษาที่ออกรสว่า

1. โรงแรม Panacee Grand Hotel Roemerbad ตอนนี้เป็นของ NUSA แล้ว รอแค่ใบอนุญาตดำเนินการโรงแรม สามารถกลับรายการสินทรัพย์เป็นบวก พร้อมตีราคาตลาด รับรู้กำไรทันที เผยทำเลสุดหรู ใกล้ทั้ง เมืองท่องเที่ยวของเยอรมนี คือ Baden Baden และ Freiburg im Breisgau สามารถขับรถไป Stuttgart, Strasbourg, Luzern สวิตเซอร์แลนด์ หรือไปเที่ยวเมือง Colmar ฝรั่งเศส ทำเลดีเยี่ยมขนาด แถมตัวอาคารโรงแรมเป็น National Heritage ของเยอรมนีด้วย

2. การขายทรัพย์สิน คือ โครงการค้าง Stock ดูเงื่อนไขการขายแล้ว น่าห่วงคนซื้อมากกว่าคนขาย เพราะผู้ซื้อต้องลงทุนอีกเยอะ กับแปลงที่ดินเปล่า ซึ่งตอนนี้ในตลาดรู้ดีว่ามีคนเร่ขายกันเพียบแต่คนซื้อไม่กล้าควัก มาเคสนี้คนซื้อกำไรต้องแบ่งกำไรให้ NUSA ครึ่งหนึ่ง แถมต้องรับขาดทุนคนเดียว ฟังแล้ว งงงง ตลาดหลักทรัพย์ห่วงคนขายหรือคนซื้อกันแน่

3. ตลาดหลักทรัพย์ ตกใจ ทำไมหนอ NUSA กู้เงินดันวางประกันตั้ง 5 เท่า มาถึงบางอ้อ กับราคาทุนกับราคาตลาดมันคนละเล่ม เพราะถ้าเทียบราคาตลาดก็แค่ 2 เท่ากว่า ถ้าคิดราคาหุ้น DEMCO วันนี้ ที่น่าห่วงนะผู้ให้กู้ นะออเจ้า

4. กว่าประเทศไทยจะเอา Rolling Loud มาได้ หาใช่เรื่องง่าย NUSA ส้มหล่นฟรีๆ เพราะได้เป็นสถานที่จัดงาน 5 ปีรวด นอกจากประโยชน์ที่อยู่ดีๆ มีคนมาร่วมพัฒนาที่ดิน จัดงานแต่ละทีผู้เข้าร่วมงาน มาจากทุกสารทิศ มีเงินก็ซื้อไม่ได้จ๊ะ ถ้าอยากได้เงิน 50 ล้านคืน แค่ประกาศขายสิทธิการจัด น่าจะได้มากกว่า 50 ล้านด้วยซ้ำ อุ้ย ลืมไป ช่วงนี้มีคนอ่อนไหว กับคำว่า ขายทรัพย์สิน ของ NUSA

จบรายงานนะจ๊ะ ใครที่มองว่า NUSA เหมือน STARK นี่ท่าทาง จะอาการหนัก เพราะ ทองแท้ไม่กลัวไฟ นะ แต่กลัวปลิง มากกว่า

นอกจากนี้ นายวิษณุ – นางศิริญา เทพเจริญ เตรียมชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อเคลียร์ปมแตกหัก “วิษณุ – ประเดช” โดยระบุว่า
จากกรณี “นายประเดช กิตติอิสรานนท์” นำทีม 6 กรรมการ NUSA เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท และกรรมการ 7 คนของ NUSA ที่นำโดย “วิษณุ เทพเจริญ” ในการที่สนับสนุนให้ผู้บริหารเทขายทรัพย์สินบริษัทล็อตใหญ่ 6 รายการ มูลค่ากว่า 1.1 หมื่นล้านบาท หรือเกือบ 70% ของทรัพย์สินทั้งหมด โดยไม่มีอำนาจและแผนรองรับที่ชัดเจน ชี้ละเมิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ พร้อมขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติขายทรัพย์สินดังกล่าว

รายการขายสินทรัพย์ครั้งใหญ่ของ บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นร้อน และมีการฟ้องร้องต่อศาลแพ่งเพื่อยับยั้งมติขายสินทรัพย์ดังกล่าวจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่และกรรมการด้วยกันเอง พร้อมยังเกี่ยวพันกับการขายหุ้นบริษัทพลังงานรายใหญ่ “วิน เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง” หรือ WEH” จึงเป็นเหตุให้ บริษัทณุศาศิริฯ เกิดความปั่นป่วน วุ่นวาย อีกทั้งทำให้เกิดกระแสด้านลบกับความเชื่อมั่นของบริษัทฯเป็นอย่างมาก จึงพร้อมที่จะชี้แจงข้อเท็จจริง