“ไทยเครดิต” โชว์กำไรทำสถิติสูงสุด 3,642 ล้านบ.

HoonSmart.com >> “ไทยเครดิต” โชว์ กำไรสุทธิ Q4/67 จำนวน 1,192.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 61.1%   ส่วนทั้งปี กำไรทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 3,624  ล้านบาท ยืนยันความเชื่อมั่นในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

รอยย์ ออกุสตินัส กุนารา

ธนาคารไทยเครดิต (CREDIT) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 กำไรสุทธิที่พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,192.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.1 % เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่งแม้เผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจ ในไตรมาส 4 ธนาคารมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.97 บาท และงวดปี 2567 ทั้งปี กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 2.95 บาท

ธนาคารยังคงดำเนินกลยุทธ์ที่เน้นความรอบคอบและระมัดระวัง เพื่อรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจได้อย่างมั่นคง
ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของกำไรในครั้งนี้คือ การขยายตัวของสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง และการบริหารความเสี่ยงที่เข้มแข็ง

ยอดเงินให้สินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2567 อยู่ที่ 163,158.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2%  เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นอกจากนี้
ธนาคารยังมีการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิในสัดส่วนร้อยละ 10.5 อันเป็นผลจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ ขณะเดียวกัน ธนาคารยังคงควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยรักษาอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้ให้อยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 39.9 ในปี 2567 ส่วนอัตราส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin) ในปีเดียวกันยังคงอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 8.6

จากผลการดำเนินงานในกลุ่มสินเชื่อ พบว่าธนาคารสามารถขยายพอร์ตสินเชื่อในทุกกลุ่มหลักได้เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี (MSME) มีอัตราการเติบโตร้อยละ 12.8 สินเชื่อที่ใช้บ้านเป็นหลักประกันขยายตัวร้อยละ 14.4 และสินเชื่อบุคคลมีอัตราเติบโตโดดเด่นที่ร้อยละ 114.8

ทั้งนี้ ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่ออย่างรอบคอบและการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบควบคู่ไปกับการดำเนินงานที่ยืดหยุ่นและการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพในส่วนของการบริหารจัดการความเสี่ยง

ธนาคารยังคงรักษาระดับสินเชื่อด้อยคุณภาพ (%NPL) ไว้ที่ร้อยละ 4.4 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ตามการคาดการณ์ของธนาคารขณะที่อัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อเฉลี่ย (%Credit cost) ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน จากร้อยละ 2.94 เป็นร้อยละ 2.65 เนื่องจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจัยหลักจากสินเชื่อด้อยคุณภาพที่เกิดขึ้นใหม่ลดลงจากการบริหารจัดการหนี้ที่ฟื้นตัวดีขึ้น

นายรอยย์ ออกุสตินัส กุนารา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต กล่าวว่า  ท่ามกลางความไม่แน่นอนและความท้าทายที่เกิดขึ้น ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า และเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้เติบโตอย่างยั่งยืนรวมถึงสร้างผลงานทางการเงินที่ดีที่สุดให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ธนาคารได้สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งด้วยรูปแบบธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับปรุงดำเนินงานให้สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่ท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็เตรียมความพร้อมสำหรับโอกาสใหม่ ๆ