HoonSmart.com>>บล.เอเซีย พลัส ระบุเปิดปี 68 ตลาดหุ้นไทยต่ำสุดอันดับ 3 ของโลก -4.26% YTD ขาดความเชื่อมั่น ยุค”ทรัมป์”กดดัน โดยหุ้นไทยย่อตัวลงมาหนักตั้งแต่”ทรัมป์”ชนะการเลือกตั้ง 5 พ.ย. 67 – 17 ม.ค. 68 โดย SET INDEX -8.4% แนะจับตาการเมืองสหรัฐอย่างใกล้ชิด ถ้าผ่อนคลายลง อาจเห็นหุ้น HANA, SCGP, ITC, SJWD, SCC, ERW, TU รีบาวน์กลับขึ้นมาได้บ้าง แต่ถ้ากระแส”ทรัมป์”รุนแรงเม็ดเงินจะวนเวียนอยู่ในหุ้น DOMESTIC กับหุ้นปันผลสูง
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ประเด็นที่สร้างแรงกดดันให้กับตลาดหุ้นยังมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเป็นเรื่องของการจำนำหุ้นนอกตลาด และ MARGIN ถือเป็นปัจจัยที่ลดความเชื่อมั่นของนักลงทุนซึ่งถูกสะท้อนผ่านออกมาทางมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง ส่วนในอีกทางหนึ่ง FUND FLOW จากต่างประเทศก็ยังไม่เห็นสัญญาณการกลับตัว เฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ สหรัฐฯ กำลังจะมีประธานาธิบดีคนใหม่เข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งจากหลายนโยบายที่มีโอกาสกระตุ้นเงินเฟ้อสูงขึ้น ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายต้องคงตัวในระดับสูง ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า อีกทั้งการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคคลก็เป็นปัจจัยที่เสริมเสน่ห์ให้กับตลาดหุ้นสหรัฐ ทำให้เม็ดเงินลงทุนยังคงอยู่ในตลาดสหรัฐเป็นหลัก ส่วนบ้านเราที่ต้องติดตามก็คือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐท่านใหม่ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นลบมากกว่าบวก
เปิดปี 2568 ตลาดหุ้นไทยต่ำสุดอันดับ 3 ของโลก (YTD) ยังขาดความเชื่อมั่น ถูกกดดันยุค TRUMP 2.0 เริ่มปี 2568 นี้(1 –17 ม.ค.) ตลาดหุ้นเอเซียและไทยลงแรงติดอันดับต้น ๆ ของโลกจากความกังวลเริ่มต้นเข้าสู่ยุค TRUMP 2.0 อาทิ ตลาดหุ้นมาเลเซียลงแรงอันดับ 1 ของโลก -5.3%YTD รองลงมาอันดับ 2 ตลาดหุ้นบาร์เรน -4.3% และตลาดหุ้นไทย ลงมาอันดับ 3 ของโลก -4.26% ตามมาด้วยตลาดหุ้นจีน -2.74%, และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ -2.71%
ถ้าโฟกัสแต่ตลาดหุ้นไทย พบว่า ย่อตัวลงมาหนักๆ ตั้งแต่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง 5 พ.ย. 2567 – 17 ม.ค. 2568 โดย SET INDEX -8.4% ส่วน SECTOR ที่ลงแรง คือ PAPER -28%, PKG -27%, PROF -26.7%, CONS -20.3%, CONMAT -19.5% สังเกตได้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจอิงกับการส่งออก ส่วน SECTOR ที่ OUTPERFORM คือ BANK +4.2%, ETRON -1%, ICT -2.1%, PF&REIT -3.7%, MEDIA -3.9% เป็นต้น สังเกตได้ว่าหุ้นกลุ่มที่ OUTPERFORM จะเป็นหุ้น DOMESTIC (ธุรกิจอิงในประเทศเป็นหลัก) หรือ หุ้นปันผลสูงเป็นหลัก
ภายใต้มูลค่าซื้อขายเบาบาง หุ้นกลัว TRUMP 2.0 ก็มีเม็ดเงินขายออกมา กดดันให้ราคาหุ้นลงมาหนักมากแล้ว คำแนะนำ นักลงทุนติดตามประเด็นการเมืองสหรัฐอย่างใกล้ชิด ถ้าเห็นความผ่อนคลายลง อาจเห็นหุ้นกลุ่มดังกล่าวมีการรีบาวน์กลับขึ้นมาได้บ้าง อาทิ HANA, SCGP, ITC, SJWD, SCC, ERW, TU เป็นต้น
แต่ถ้ากระแส TRUMP รุนแรงก็น่าจะเห็นเม็ดเงินวนเวียนอยู่ในหุ้น DOMESTIC กับหุ้นปันผลสูงเป็นหลัก อาทิ BBL, KBANK, ADVANC, INTUCH, DIF, 3BBIF, VGI, PLANB, MAJOR