อินโนเวสท์ฯ ชี้ปี’68 ยุคเก็งกำไร ซื้อแถว 1,350 จุด-ขาย 1,550 จุด

HoonSmart.com>> อินโนเวสท์ เอกซ์ เผยยุคโลกหมุนรอบโดนัลด์ ทรัมป์ หุ้นไทยครึ่งแรกปี’68 ผันผวนสูง ผลตอบแทนต่ำ ต้องเลือกเก็งกำไร ในกรอบ 1,350-1,550 จุด เน้น 4 ธีมหลัก แนะ 5 กองทุนลุยหุ้น สหรัฐฯ อินเดีย เวียดนาม พร้อมจับตา 8 ความท้าทายไทย-เทศ

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล. อินโนเวสท์ เอกซ์  กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในปี 2568 จะอยู่ในสภาพ “ความผันผวนสูง ผลตอบแทนต่ำ” จึงประเมินว่ากลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมสำหรับปีงูเล็กนี้คือ “การลงทุนแบบเก็งกำไร (Trading)”

สำหรับ ความผันผวนมาจากนโยบายทางเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะกระทบเศรษฐกิจ การเงิน อัตราดอกเบี้ย ค่าเงิน และเงินทุนไหลเข้า-ออก ของประเทศ ที่นักลงทุนต้องเตรียมรับมือ

ทั้งนี้ แนะนำลงทุนแบบเก็งกำไรในกรอบดัชนี 1,350 -1,550 จุด ซึ่งไม่ได้กว้างมาก หากดัชนีเข้าใกล้กรอบบนก็ทำกำไรออกมา เพราะจากพื้นฐานเศรษฐกิจที่โตเพียง 3% และพื้นฐานไม่เปลี่ยน ดีมานด์การลงทุนของต่างชาติ และรายย่อยลดลง ถ้าไม่มีสภาพคล่องเข้ามา ความเชื่อมั่นยังไม่มากพอ ดัชนีน่าจะวิ่งอยู่ในกรอบนี้

สิ่งที่ต้องระวัง คือ การกีดกันทางการค้า และเศรษฐกิจจีน จะส่งผลกระทบกับไทยมากแค่ไหน และความผันผวนของค่าเงิน

นายสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา
นักกลยุทธ์อาวุโสตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ แนะนำลงทุน 4 ธีมหลัก ในหุ้นขนาดใหญ่ เน้นตั้งรับในกลุ่มที่มีสัดส่วนภายในประเทศสูง

1. Value ได้แก่ AOT BBL CPALL
2.Dividend ได้แก่ AP BCP LHHOTEL
3. Laggard ได้แก่ BCH GPSC HMPRO และ
4. Mid-Small cap growth ได้แก่ AMATA AU INSET

5 กองทุนลุยหุ้นโลก

นายวิศกรณ์ คีรีวรรณ, CFA, ผู้อำนวยการ Investment Strategist ฝ่าย Wealth Products & Strategy บล. อินโนเวสท์ เอกซ์
กล่าวว่า ปี 2568 ในยุคที่โลกหมุนรอบโดนัลด์ ทรัมป์ นักลงทุนต้องเลือกลงทุนมากขึ้น วิเคราะห์มากขึ้น และเตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิด

ทั้งนี้ แนะนำซื้อ 5 กองทุน ได้แก่ TUSFIN-A ,UGIS-N ,ASP-USSMALL-A,PRINCIPAL VNEQ-A ซึ่งครอบคลุมการลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงินสหรัฐ ,ตราสารหนี้โลก ,หุ้นสหรัฐฯขนาดเล็ก หุ้นเวียดนาม และทองคำ

เนื่องจากปี 2568 เป็นปีแห่งการเข้าสู่ภาวะปกติ (Normalization) ดังนั้นการเติบโตของกำไรตลาดดังเช่นในปี 2567 นั้นอาจจะไม่ได้เห็นในปีนี้ จึงแนะนำ “เลือกลงทุน” ในหุ้นกลุ่มเงินและหุ้นขนาดกลาง-เล็กสไตล์คุณค่าของสหรัฐฯ เพื่อรอรับจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ที่จะมาถึง พร้อมทั้งเน้นลงทุนในตลาดเกิดใหม่ที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่นและได้รับกระทบด้านภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจน้อยกว่าในอดีตอย่างตลาดหุ้นจีนและเวียดนาม

ด้านตราสารหนี้ แนะนำตราสารหนี้โลกที่มีอายุ (Duration) ไม่เกิน 3 – 5 ปี เพื่อล็อกผลตอบแทนและกระจายเสี่ยงในทองคำควบคู่กันไปด้วย

คาดกำไรกลุ่มขนส่งโต 29%

นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย
หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. อินโนเวสท์ เอกซ์  คาดว่า ปีนี้กำไรจากการดำเนินงานของตลาดจะโต 13% จากปี 2567 ที่โต 10% นำโดยกลุ่มขนส่ง คาดโต 29% ค้าปลีก โต 15% และอาหาร โต 14%

ด้านกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี คาดจะพลิกกลับมามีกำไร 13% จากติดลบ 6% ส่วนกลุ่ม ICT กำไรชะลอตัวลง แต่ใกล้เคียงปีที่ผ่านมา จากการควบคุมต้นทุน

สำหรับ ความท้าทายสำคัญในปี 2568 ได้แก่ 1) นโยบายด้านเศรษฐกิจและการเมืองโลกของนายโดนัลด์ ทรัมป์  2) ตลาดการเงินโลกจะผันผวนมากขึ้นไปตามกระแสของข้อมูล ข่าวสารที่คาดว่าจะมีความถี่เพิ่มขึ้นมาก 3) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แม้ว่ายังมีแนวโน้มสดใส แต่ Valuation ของหุ้นที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยแล้วทำให้มีโอกาสเกิดการปรับตัวลดลงได้ หากเกิดเหตุการณ์ที่ผิดคาด 4) เศรษฐกิจโลก กำลังเผชิญกับ 2 ปัญหาใหญ่ คือ ระดับหนี้สูง และผลกระทบจากภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง และ 5) ผลกระทบจากมาตรการขึ้นนภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ คาดว่าจะส่งผลให้เกิด Currency war ตามมา

ปัจจัยที่จะช่วยสนับสนุนตลาดการเงิน ได้แก่ นโยบายผ่อนคลายการเงินของธนาคารกลาง และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของหลายๆประเทศ เช่น จีน เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ

8 ความท้าทาย
ทำศก.ไทย-เทศเปลี่ยน

ดร. ปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า ปี 2568 จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย และโลก หลักๆ มาจากนโยบายทางเศรษฐกิจ และเทคโนโลยี โดยเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญความท้าทายสำคัญ 4 ประการ (4T) ได้แก่
1. Tightened Economy – ภาคการผลิตของไทยกำลังสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน 2. Time to Cut – นโยบายการเงินตึงตัวเกินไป ธปท. ต้องพิจารณาลดดอกเบี้ยเร็วและต่อเนื่อง 3. Tax Reform – ภาครัฐจำเป็นต้องปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ เพื่อลดความเสี่ยงวิกฤตการคลัง และ 4. Temperature Rising – ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรง

คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 2.7% จากปัจจัยหนุนด้านนโยบายการคลังที่ยังผ่อนคลาย ขณะที่นโยบายการเงินขึ้นอยู่กับการลดดอกเบี้ยของธปท. เป็นหลัก โดยหากลดช้าจะทำให้เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ณ เดือนมกราคม 2568 เราคาดการณ์ว่าการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชนเติบโต 0.5% และ 2.2% ขณะที่นักท่องเที่ยวคาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 40 ล้านคน ด้านการส่งออกมีแนวโน้มไม่ขยายตัว

เศรษฐกิจโลกในปี 2568 จะถูกขับเคลื่อนด้วยแรงสำคัญ 4 ประการ (4T) ได้แก่ 1. Transition – เศรษฐกิจโลกกำลังเดินทางสู่ภาวะ Soft Landing จากเศรษฐกิจที่ชะลอลง และเงินเฟ้อที่ลดลง 2. Trump – การกลับมาของนโยบาย America First ทั้งด้านการค้า, การเข้าเมือง และการคลัง สร้างความกังวลต่อเสถียรภาพทางการคลังและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 3. Technology – พลังขับเคลื่อนจาก AI และเทคโนโลยีสีเขียว และ 4. Turmoil – ความปั่นป่วนทั่วโลก อันเนื่องมาจากความขัดแย้งระหว่างประเทศ อาทิ วิกฤตยูเครน ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และการเผชิญหน้าในทะเลจีนใต้