HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปรับตัวลง โดยดาวโจนส์ ลดลง 68.42 จุด, S&P 500 ลดลง 12.57 จุด, Nasdaq ลดลง 172.94 จุด รับแรงขายหุ้นเทคโนโลยี ท่ามลางจับตาผลดำเนินงาน-ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่วนตลาดยุโรปปิดในแดนบวก ด้านราคาน้ำมันอ่อนตัวลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 16 ม.ค.2568 ปิดที่ 43,153.13 จุด ลดลง 68.42 จุด หรือ -0.16% ถอยลงจากที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงก่อนหน้า ขณะที่นักลงทุนจับตาการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทล่าสุด และประเมินข้อมูลเศรษฐกิจเพื่อประเมินแนวทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,937.34 จุด ลดลง 12.57 จุด, -0.21%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,338.29 จุด ลดลง 172.94 จุด, -0.89%
แรงขายในหุ้นเทคโนโลยีใหญ่ฉุดดัชนี S&P 500 และ Nasdaq โดยหุ้น Apple ลดลง 4% เป็นวันที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม หุ้น Tesla ลดลงกว่า 3% หุ้น Nvidia ลดลงราว 2% และหุ้น Alphabet ลดลง 1%
ทั้งสามดัชนีหลักปรับขึ้นในช่วงเช้าของวัน จากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดย Morgan Stanley รายงานผลกำไรดีเกินคาด ส่งผลให้ราคาหุ้นขึ้น 4% ส่วน Bank of America ก็รายงานกำไรดีกว่าประมาณการ แต่ราคาหุ้นลดลงประมาณ 1%
แต่ตลาดแกว่งระหว่างแดนบวกและแดนลบ หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจในวันพฤหัสบดีบ่งชี้ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่ตลาดแรงงานก็อยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งเช่นกัน ทำให้เฟดมีช่องทางที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยช้าได้ในปีนี้
กระทรวงพาณิชย์รายงาน ยอดค้าปลีกเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน จากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนพฤศจิกายน และเมื่อเทียบเป็นรายปีเพิ่มขึ้น 3.9% จากที่เพิ่มขึ้น 4.1% ในเดือนก่อนหน้า
ด้านกระทรวงแรงงานรายงาน การยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ว่าเพิ่มขึ้น 14,000 ราย เป็น 217,000 ราย สูงกว่า 210,000 ราย ที่นักวิเคราะห์คาด แต่ยังอยู่ในระดับที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงาน ยังคงแข็งแกร่ง
นักลงทุนยังให้ความสนใจไปที่การให้ความเห็นของผู้ว่าการเฟด คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งกล่าวว่า เฟดอาจจะลดอัตราดอกเบี้ยได้เร็วกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายต่อไป ซึ่งความเห็นของนายวอลเลอร์ช่วยดึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรให้ต่ำลง
อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลง มาที่ 4.615% และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าฟิวเจอร์สที่อ้างอิงกับอัตราดอกเบี้ย บ่งชี้โอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมเดือนพฤษภาคม
นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับนโยบายภาษีศุลกากรจากว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีกำหนดเข้ารับตำแหน่งในวันจันทร์ ที่อาจจะทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มมากขึ้น โดยรายงานของ CNN ซึ่งอ้างแหล่งข่าวระบุว่า หลังการสาบานตนรับตำแหน่ง ทรัมป์อาจใช้คำสั่งประธานาธิบดีตามกฎหมายอำนาจฉุกเฉินทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (International Economic Emergency Powers Act) หรือ IEEPA เพื่อให้มีอำนาจในการประกาศใช้นโยบายตั้งกำแพงภาษีนำเข้า
ตลาดยุโรปปิดบวก โดยหุ้นกลุ่มสินค้าหรูได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีขึ้นของ Richemont และการปรับขึ้นของหุ้นเซมิคอนดักเตอร์หลัง TSMC รายงานผลกำไรรายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ดัชนี STOXX 600 เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม
ดัชนีตลาดหุ้นฝรั่งเศส ซึ่งรวมถึงหุ้นสินค้าหรูรายใหญ่ เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน และปรับตัวดีกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค
หุ้น Richemont เจ้าของแบรนด์เครื่องประดับ Cartier พุ่งขึ้น 16.3% หลังจากยอดขายรายไตรมาสดีกว่าประมาณการ ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับกลุ่มสินค้าหรูระดับไฮเอนด์ในช่วงเทศกาลวันหยุดสำคัญ
ดัชนีกลุ่มบริษัทหรูในยุโรปเพิ่มขึ้น 6.7% ถือเป็นวันที่ดีที่สุดในรอบเกือบสี่เดือน หุ้น LVMH พุ่งขึ้น 9.1%, หุ้น Dior เพิ่มขึ้น 8.6%, หุ้นKering เพิ่มขึ้น 4.6% และ หุ้น Hermes เพิ่มขึ้น 4.9%
ดัชนีกลุ่มเทคโนโลยี เพิ่มขึ้น 1.9% หลังจากที่ TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปตามสัญญารายใหญ่ที่สุดของโลก รายงานผลกำไรรายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และคาดว่ารายได้ในไตรมาสแรกจะเติบโตอย่างมาก
นักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป และพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของโดนัลด์ ทรัมป์ในวันที่ 20 มกรามคมนี้
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 520.05 จุด เพิ่มขึ้น 5.03 จุด, +0.98%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,391.90 จุด เพิ่มขึ้น 90.77 จุด, +1.09%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,634.74 จุด เพิ่มขึ้น 160.15 จุด, +2.14%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 20,655.39 จุด เพิ่มขึ้น 80.71 จุด, +0.39%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ลดลง 1.36 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 78.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 74 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 81.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
