หุ้นนิวโลว์ 3 ปี เทกระจาดตัวใหญ่ มึน!นโยบายรัฐ ไล่ทุบธุรกิจ

HoonSmart.com>>หุ้นไทยลงทุกวัน หลุดแนวรับสำคัญ 1,370 พบกัน 1,350 หาปัจจัยบวกไม่เจอ ข่าวลบท่วมตลาด รัฐบาลส่งสัญญาณนโยบายไม่ชัดเจน ทั้งค่าไฟ ค่าแรง แก้หนี้ กระทบธุรกิจเต็มเปา “กลุ่มเจมาร์ท”แดงเถือก ถูกโปรแกรมเทรดถล่ม ราคาน้ำมันดิบร่วงแรง เทกระจาดกลุ่มพลังงาน ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยอ่อนแอเกินคาด ส่งออกติดลบ กำไรบจ.ถอยหลัง ลุ้นผลประชุมเฟด ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยโลก

วันที่ 13 ธ.ค.2566 ตลาดหุ้นไทยดิ่งลงแรง ดัชนีปิดที่ระดับ 1,357.97 จุด ลดลง 15.95 จุด หรือ -1.16% มูลค่าซื้อขาย 37,996.72 บาท แม้ว่านักลงทุนแต่ละกลุ่มมีการซื้อขายไม่มาก ต่างชาติขายสุทธิเพียง 542 ล้านบาทเท่านั้น ขณะเดียวกันมีการซื้อตราสารหนี้ 3,447 ล้านบาท ค่าเงินบาทอ่อนตามภูมิภาค ปิดที่ 35.79/80 บาทต่อ ดอลลาร์

ตลาดหุ้นไทยร่วงลงแรงกว่าภูมิภาค เกิดจากแรงขายพุ่งเป้าหุ้นขนาดใหญ่ นำโดย DELTA,AOT,PTTEP,CPALL และแบงก์ใหญ่ ส่วนหุ้นขนาดกลางและเล็กถูกระบายมานาน เริ่มมีแรงเก็งกำไรกลับมา

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 3 ปี หลังดัชนีฯหลุด 1,366 จุด รับผลจากราคาน้ำมันร่วงแรงราว 4% กดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน และเงินบาทกลับมาอ่อนค่า ล่าสุด 35.7 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ นักลงทุนต่างชาติยังคงจะขายหุ้นอยู่ รวมถึงนโยบายภาครัฐไม่ชัดเจนในหลายเรื่อง เช่น ค่า Ft, ค่าแรงงาน รวมถึง Digital Wallet ทำให้นักลงทุนไม่มีความเชื่อมั่น ทั้งนี้ หุ้นขนาดใหญ่ที่เคยยืนได้ก็เริ่มมีแรงขายออกมาช่วงบ่ายนี้ ลดความเสี่ยงหลังเกิดภาพลบทางเทคนิค

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลง ขณะที่ตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้บวกได้เล็กน้อย แสดงให้เห็นเงินไหลไปประเทศพัฒนาแล้วซึ่งปลอดภัยในการลงทุนมากกว่า พร้อมให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ในคืนนี้ และพรุ่งนี้ (14 ธ.ค.) ติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE), การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ ส่วนวันศุกร์ (15 ธ.ค.) ติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิต และภาคบริการของหลายประเทศที่จะทยอยประกาศออกมา

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (14 ธ.ค.) ขึ้นอยู่กับผลการประชุมเฟดคืนนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,350 จุด แนวต้าน 1,370 จุด

ด้านตลาดหลักทรัพย์รายงานการซื้อขายโดยโปรแกรม มีมูลค่าซื้อและขายใกล้เคียงกันประมาณ 16,000 ล้านบาท คงเหลือสุทธิแค่ -77.96 ล้านบาท แต่หุ้นที่เทรดผิดปกติ กระจุกตัวอยู่ในกลุ่ม เจมาร์ค นำโดย JMT มูลค่า 244.70 ล้านบาท สัดส่วนถึง 36.73%เทียบกับแบบปกติ ตามด้วย SINGER มูลค่า 78 ล้านบาท สัดส่วน 31.48% ส่วน JMART ซื้อขายมูลค่า 118.58 ล้านบาท สัดส่วน 25%  ขณะที่ราคาปรับตัวลงแรงจากหลายปัจจัย

ด้านนางปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงาน Monetary Policy Forum 4/2023 ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยอยู่ในทิศทางที่ฟื้นตัว เพียงแต่แรงขับเคลื่อนอาจยังกลับมาได้ไม่ครบ  ในปีนี้การบริโภคภาคเอกชนได้รับแรงส่งที่สำคัญจากการใช้จ่ายหมวดบริการ ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวต่อเนื่องแต่ยังน้อยกว่าในช่วงก่อนเกิดโควิด  ตรงข้ามกับนักท่องเที่ยวไทยที่เพิ่มขึ้นและกลับมาอยู่ในระดับก่อนโควิดแล้ว อย่างไรก็ดี ภาคการผลิตและส่งออกยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่นัก

แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2567 และ 2568 จะขยายตัวสมดุลมากขึ้น คาดปีหน้าการส่งออกสินค้าจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้   ธปท.ประเมินขยายตัว 4.3% และ 3.3% ในปี 2568 แต่การส่งออกยังมีความเสี่ยงจากที่อาจไม่ได้รับประโยชน์เท่าที่คาด จากปัญหาเชิงโครงสร้างของไทย จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดว่าจะอยู่ที่ 34.5 ล้านคน และเพิ่มเป็น 39 ล้านคนในปี 2568

นายสุรัช แทนบุญ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายการเงิน ธปท.  คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันจนถึงช่วงต้นปี 2567 จะยังอยู่ในระดับต่ำ จากผลของมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน, ฐานที่สูงในปีก่อนหน้า  โดยไม่ได้สะท้อนถึงภาวะเงินฝืด

” อัตราเงินเฟ้อจะเริ่มทยอยปรับเพิ่มขึ้น และกลับมาเป็นบวกได้ในช่วงไตรมาส 1/2567 ตามราคาพลังงานและอาหารสดที่จะกลับมาสูงขึ้น และกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายของ ธปท.ในช่วง 1-3% ได้ในปีหน้า  คาดอัตราเงินเฟ้อทั่วไป จะอยู่ที่ 2.0% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน อยู่ที่ 1.2% และในปี 2568 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป จะอยู่ที่ 1.9% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน อยู่ที่ 1.3% ปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อเงินเฟ้อในระยะต่อไป ได้แก่ ปรากฎการณ์เอลนีโญที่รุนแรงกว่าคาด, ราคาพลังงานในตลาดโลกสูงกว่าที่คาด, เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้ากว่าคาด และมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพจากภาครัฐที่อาจมีเพิ่มเติมมากกว่าที่คาด”นายสุรัชกล่าว

ด้านนายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน  ธปท. กล่าวกรณีมีข้อกังวลว่าโครงการ Digital Wallet จะเพิ่มภาระทางการคลัง และอาจส่งผลให้เศรษฐกิจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ เชื่อว่าไม่เกิดขึ้น

นายภูริชัย รุ่งเจริญกิจกุล ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า  ดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% มองว่าเหมาะสมกับเศรษฐกิจ ยังไม่รวม Digital Wallet