HoonSmart.com >> บล.CGSI SET Index 1,345-1,365 จุด ได้ปัจจัยบวกราคาพลังงาน ที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มพลังงานต้นน้ำ ส่วน กลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน อาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น ระวังแรงขายหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า จากความกังวลค่าไฟ 3.70 บาท/หน่วย
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI สรุปภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ และทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ (14 ม.ค.68) โดย : Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวน โดยดัชนี DJIA และ S&P500 ปิดบวก ขณะที่ Nasdaq ยังคงร่วงลงปิดแดนลบ หลัง Fed มีแนวโน้มชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ สนับสนุนให้ดอลลาร์แข็งค่า และ บอนด์ยีลด์สหรัฐ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 14 เดือน แตะระดับ 4.805 สร้างความกังวลให้นักลงทุนย้ายการลงทุนออกจากหุ้นกลุ่ม Growth Stock รวมถึงราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1.3%
โดยหุ้นที่เคยเป็นกลุ่มนำตลาดอย่าง Palantir และ Nvidia ปรับตัวลดลงกว่า -3.4% และ -2.0% ตามลำดับ หลังมีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ยกระดับความเข้มงวดการควบคุมการส่งออกชิป AI ต่อไป
ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% ตามราคาน้ำมันดิบโลกที่พุ่งสูงขึ้น (WTI +2.9%) จากความกังวลต่ออุปทานน้ำมันหลังสหรัฐประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่ออุตสาหกรรมพลังงานรัสเซีย
ด้านตลาดหุ้นภูมิภาคอื่น อย่างดัชนี STOXX600 ที่ปิดลบสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ และตลาดหุ้นเอเชียที่ร่วงลงมา รวมถึงไทย ยังถูกกดดันจากแนวโน้มที่ Fed จะชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยลง
จับตารายงานผลประกอบการ 4Q24 ของธนาคารต่างๆ โดย Citigroup, Goldman Sachs, JPMorgan Chase จะเปิดเผยข้อมูลในวันพุธ (15 ม.ค.) และ Morgan Stanley, Bank of America จะประกาศในวันพฤ. (16 ม.ค.)
นอกจากนี้ ติดตามรายงานข้อมูลเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ของสหรัฐและอังกฤษในวันพรุ่งนี้ (15 ม.ค.)
• SET Index :
เราคาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหวบริเวณ 1,345-1,365 จุด โดยมี sentiment บวกจาก 1) ราคาพลังงาน ที่เรามองว่าจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อย่างไรก็ตาม กลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน อาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น และ 2) ปัจจัยในประเทศ ที่เมื่อวานนี้ (13 ม.ค.) ได้มีการแสดงวิสัยทัศน์ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่เชื่อว่า เศรษฐกิจไทยยังสามารถโตได้ ท่ามกลางประเด็นเงินบาทที่ยังคงอ่อนค่าที่เราเชื่อว่า ตลาดน่าจะรับรู้ไปพอสมควรแล้ว นอกจากนี้ ระวังแรงขายหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า หลังนายทักษิณแสดงถึงความเป็นไปได้ของค่าไฟ 3.70 บาท/หน่วย
ประเด็นสำคัญที่นายทักษิณกล่าว คือ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยแนะนำการลงทุนอุตสาหกรรมจากต่างประเทศในช่วงนี้ที่ไทยยังได้รับอานิสงส์การย้ายฐานการผลิตจากความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ ผ่านการให้สิทธิของ BOI ที่ล่าสุดมูลค่าการยื่นขอส่งเสริมการลงทุนรวมเพิ่มขึ้นที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014 ที่ 1.14 ล้านล้านบาทในปี 2024 (+35% yoy), Entertainment Complex หรือ Data centres ซึ่งเรามองว่าประเด็นเหล่านี้ จะส่งผลให้ความต้องการที่ดินอุตสาหกรรมจะยังคงแข็งแกร่งในปีนี้ โดยเราคาดว่ายอดการขายที่ดิน presales ของ AMATA จะอยู่ที่ 2,300 ไร่ และ WHA จะอยู่ที่ 2,425 ไร่ในปีนี้
นายทักษิณ ยังได้ออกมาสนับสนุน 1) การใช้คริปโทเคอร์เรนซี่ตามแนวทางของว่าที่ปธน. ทรัมป์ที่จะเข้ารับตำแหน่งในสัปดาห์หน้า (20 ม.ค.) 2) การเทรดคาร์บอนเครดิต เพื่อลดการเสียเปรียบต่างประเทศ 3) การพัฒนาศูนย์กลางทางการเงิน เพื่อเพิ่มปริมาณเงินเข้าสู่ระบบ 4) การสร้างอุตสาหกรรมรถยนต์สันดาปที่แข็งแรงและการปล่อยกู้ของแบงก์ เพื่อแก้ปัญหารถ EV จีนที่เข้ามาตีตลาดไทย
FETCO เผยผลสำรวจเดือนธ.ค. ชี้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับลงมาอยู่ในเกณฑ์ซบเซาที่ระดับ 78.52 จากความกังวลต่อ 1) ความไม่แน่นอนของปัจจัยต่างประเทศ รวมถึงนโยบายการค้าของว่าที่ปธน. ทรัมป์ที่จะกระทบต่อการนำเข้าส่งออกสินค้า และ 2) สถานการณ์เงินเฟ้อ
• หุ้นแนะนำ
BTS : เราเชื่อว่า BTS จะได้ประโยชน์จาก Virtual Banks และ โครงการ Entertainment complex ที่ครม. มีมติเห็นชอบหลักการร่างพ.ร.บ. เมื่อวานนี้ (13 ม.ค.)
(Take profit : 6.15 / Stop loss : 5.85)
SCB : เราคาดว่า SCB จะมีกำไรสุทธิ 1.06 หมื่นล้านบาท (-3.6% yoy, -3.1% qoq) ใน 4Q24 และมีกำไรก่อนตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 6.1% yoy แต่ลดลง 1.0% qoq เพราะสินเชื่อเติบโตติดลบ (-0.2% yoy, -0.5% qoq) นอกจากนี้ เราคาดว่า SCB น่าจะมีอัตราการสำรองหนี้สูญอยู่ที่181bp ใน 4Q24 ซึ่งค่อนข้างทรงตัว qoq
(Take profit : 124 / Stop loss : 119)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational