HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ ดัชนีดาวโจนส์ร่วง 70 จุด หลังรายงานข้อมูลการจ้างงานของภาคเอกชนเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาด รอตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมศุกร์นี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงต่อเนื่อง ดิ่งแรงอีก 4.1% ปิดต่ำกว่า 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดรอบ 5 เดือน ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ที่ 36,054.43 จุด ลดลง 70.13 จุด หรือ 0.19% ท่ามกลางสัญญาณใหม่ของภาวะเศรษฐกิจไม่สดใส จากราคาน้ำมันที่แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน และข้อมูลตลาดแรงงานที่คลายความร้อนแรงมากขึ้น
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,549.34 จุด ลดลง 17.84 จุด, -0.39%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,146.71 จุด ลดลง 83.20 จุด, -0.58%
ในช่วงเช้าตลาดปรับขึ้นดัชนีดาวโจนส์ขึ้นไปถึง 170 จุด หลังกระทรวงแรงงานรายงานต้นทุนแรงงานต่อหน่วยลดลงซึ่งมีผลทางบวกต่อเงินเฟ้อ ขณะที่ข้อมูลประสิทธิผลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจพ้นจากภาวะถดถอย
ต้นทุนแรงงานต่อหน่วย ซึ่งเป็นการวัดค่าจ้างต่อผลผลิต ลดลง 1.2% ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน ซึ่งมากกว่าประมาณการเบื้องต้น -0.8% เมื่อเดือนที่แล้ว และการคาดการณ์ของดาวโจนส์ที่ -0.9%ประสิทธิผลหรือผลผลิตต่อชั่วโมงเพิ่มขึ้น 5.2% ในช่วงเวลาเดียวกัน เทียบกับประมาณการเบื้องต้นที่ 4.7% ในเดือนพฤศจิกายน และการคาดการณ์ของดาวโจนส์ที่ 4.9%
ตลาดปรับตัวลงหลังการรายงานข้อมูลการจ้างงานของภาคเอกชนเดือนพฤศจิกายนจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) แม้บ่งชี้ว่าตลาดงานซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)มานานกำลังผ่อนคลายลง โดย ADP รายงานข้อมูลการจ้างงานของภาคเอกชนเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 103,000 ตำแหน่ง จากที่เพิ่มขึ้น 106,000 ตำแหน่งในเดือนตุลาคมและต่ำกว่า 128,000 ตำแหน่งที่นักวิเคราะห์คาด
นอกจากนี้เฟด สาขาแอตแลนตา เปิดเผย แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจขยายตัว 1.3% ในไตรมาส 4
เดวิด รัสเซล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การตลาดระดับโลกของ TradeStation แพลตฟอร์มการลงทุนออนไลน์กล่าวว่า ข้อมูลของ ADP แสดงให้เห็นว่าการต่อสู้กับเงินเฟ้อของเฟดกำลังมีผลจริง ตัวเลขชี้ไปที่เศรษฐกิจชะลอตัว soft landing แต่นักลงทุนอาจเริ่มกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หากนโยบายยังคงเข้มงวดเกินไป
แม้ข้อมูลตลาดแรงงานชะลอตัว และทำให้คาดหวังมากขึ้นว่าเฟดมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยคาดว่าจะลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 1% ในปีหน้า แต่ก็ยังมีคำถามว่าจะปรับลดเมื่อไร
นักลงทุนยังจับตาการรายงานข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในวันพฤหัสบดี ก่อนการเผยแพร่ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม ค่าจ้าง และอัตราการว่างงานในวันศุกร์
ตลาดยังได้รับแรงกดดันส่วนหนึ่งจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลงเป็นวัน 5 ติดต่อกันมาที่ระดับต่ำสุดรอบ 5 เดือน หลังข้อมูลลล่าสุดบ่งชี้อุปสงค์ที่อ่อนแอ โดยราคาน้ำมัน WTI ลงไปที่ระดับต่ำกว่า 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
หุ้นกลุ่มพลังงานลดลง 1.8% เป็นกลุ่มเดียวในดัชนี S&P 500 ที่ปรับลงกว่า 1%
หุ้น Halliburton หุ้น Baker Hughes หุ้น Schlumberger หุ้น Marathon Petroleum ต่างลดลงกว่า 3%
หุ้นกลุ่มสายการบินปรับขึ้นหลังเดลต้า แอร์ไลน์ ยืนยันการคาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์และหุ้นยูไนเต็ดแอร์ไลน์ต่างเพิ่มขึ้น 4.9% หุ้นอเมริกันแอร์ไลน์บวก 4%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น จากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดทำให้คาดหวังมากขึ้นว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
โดยคำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีลดลงเกินคาด 3.7% เมื่อเทียบรายเดือนในเดือนตุลาคม ได้ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป(ECB) จะลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปี 2567 ซึ่งตลาดให้น้ำหนัก 70% ที่ECB จะลดดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม
นอกจากนี้ตลาดได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน
หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน เพิ่มขึ้น 1.6% ตามการปรับขึ้นของราคาโลหะพื้นฐาน
หุ้นกลุ่มเดินทางและนันทนาการ เพิ่มขึ้น 2.3% หลังหุ้น TUI ซึ่งเป็นบริษัทด้านการเดินทางรายใหญ่ที่สุดของยุโรป พุ่งขึ้น 14.8% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรจากการดำเนินงานขึ้นอย่างมากในปี 2567 และประกาศจะถอนบริษัทออกจากตลาดลอนดอนเพื่อไปจดทะเบียนที่ตลาดเแฟรงค์เฟิร์ต
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 470.06 จุด เพิ่มขึ้น 2.44 จุด, +0.52%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,515.38 จุด เพิ่มขึ้น 25.54 จุด, +0.34%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,435.99 จุด เพิ่มขึ้น 49.00 จุด, +0.66%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,656.44 จุด เพิ่มขึ้น 123.33 จุด, +0.75%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคมลดลง 2.94 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 69.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ลดลง 2.9 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 74.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 5.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลที่นักวิเคราะห์คาด